ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

สาเกเชื่อม




ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ได้กลับไปเที่ยวบ้านแม่ที่ต่างจังหวัด เห็นที่บ้านมีลูกสาเกอ่อนวางทิ้งไว้ เสร็จเราเลยงานนี้รีบรี่เข้าครัว แล้วออกมาพร้อมกับจานใส่สาเกเชื่อมจานนี้มาทานอร่อยๆ อวดคนอื่นๆ จากนั้นก็มีคนตามเข้าขอสาเกเชื่อมถึงในครัวไม่ขาดสายเลย อร่อยละซี้ 555 มาดูกันดีกว่าค่ะว่าวิธีืเชื่อมสาเกนั้นทำยังไงเอ่ยถึงได้อร่อยอย่างนี้

สิ่งที่ต้องเตรียม
สาเกผลอ่อน 1 ลูก
น้ำตาลทรายแดง 500 กรัม
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
กระทิชาวเกาะ 250 มล. ( 1 กล่อง)
แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนชา
น้ำเปล่า

วิธีทำสาเกเชื่อม
- ก่อนอื่นให้นำผลสาเกอ่อนมาผ่าครึ่งตามความยาวก่อน โดยผ่าให้ได้ 4 ซีก
- จากนั้นก็คว้านเอาแกนกลางทิ้งไป เสร็จแล้วจึงปอกเปลือกออก หั่นสาเกให้เป็นท่อนๆ ไม่ต้องบางนักหนาประมาณ 1 ซม.ได้ค่ะ
- ระหว่างที่หั่นสาเกให้เตรียมชามใส่น้ำมาตั้งไว้ด้วย หั่นเสร็จแล้วก็เอาลงไปแช่น้ำไว้เลย จะได้ไม่ดำ เสร็จแล้วนำไปล้างน้ำเปล่า
- ใ่ส่สาเกลงไปในหม้อ เิติมน้ำเปล่าให้ท่วมเนื้อสาเก จากนั้นใส่น้ำตาลทรายและเกลือป่นลงไป ยกขึ้นตั้งบนเตา เปิดไฟแรง
- รอให้น้ำในหม้อเดือดจัด จึงลดไฟลงใช้อ่อน ตั้งทิ้งไว้จนน้ำในหม้องวดเป็นน้ำเชื่อมข้นๆ
- เมื่อสาเกเชื่อมได้ที่แล้วจะมีเนื้อสุกใส ทีนี้เราก็ปิดไฟได้ พักไว้ให้เย็น
- ทีนี้เราก็มาทำน้ำกะทิสำหรับราดกันค่ะ โดยเทกะทิใส่ลงไปในหม้อ
- ใส่เกลือป่นเล็กน้อยและแป้งข้าวเจ้าลงไป คนให้ละลาย ยกขึ้นตั้งไฟ พอกะทิในหม้อเดือดปิดไฟ พักไว้ให้เย็น
- เวลาจะทานก็ตักสาเกเชื่อมใส่จานราดหน้าด้วยน้ำกะทิ แค่นี้ก็ได้สาเกเชื่อมอร่อยๆ ไว้ทานแล้วค่ะ

สำหรับใครที่ไม่รู้จักผลสาเกก็มีเอามาฝากค่ะ หน้าตาเหมือนขนุนเลยใช่มั๊ยคะ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แป้งสาลี

หลายๆท่านที่เคยทำขนมทำเบเกอรี่มาก็ไม่รู้ซักกี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ต้อง มีส่วนประกอบของแป้งสาลี เช่น ขนมปัง ขนมเค้ก พิซซ่า บะหมี่ คุ้กกี้ ฯลฯ อาหารต่างๆ เหล่านี้ล้วนทำมาจากแป้งสาลีทั้งสิ้น แป้งสาลีจึงถือว่าเป็นวัตถุดิบที่มีบทบาทสำคัญมากต่อการปรุงอาหารในปัจจุบัน แต่จะมีคนซักกี่คนที่จะรู้จักที่มาที่ไปของแป้งสาลีดีพอ วันนี้เลยมีเรื่องเกี่ยวกับแป้งสาลีมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อที่จะได้รู้จักแป้งสาลีกันมากขึ้น ในสมัยก่อนแป้งสาลีนั้นเราได้จากการบดหรือโม่เมล็ดข้าวให้ได้แป้ง โดยใช้โม่หินเมื่อเวลาผ่านมามนุษย์สมัยก่อนได้รู้จักการผสมแป้ง และน้ำเข้าด้วยกันจนกลายเป็นก้อนโด(Dough)และนำก้อนโดนี้ ไปอบบนหินเผาไฟก้อนโดนี้จะมีลักษณะแข็งภายนอก เนื้อในนุ่ม ซึ่งเหมือนกับการอบขนมปังทั่วๆ ไปนั่นเอง คิดว่าน่าจะเป็นโอกาสอันดีที่เราควรจะมารู้จักแป้งสาลีให้ดีขึ้น เพื่อที่จะได้นำแป้งสาลีไปใช้ได้ถูกต้องกับการทำอาหาร แต่ละชนิด แป้งสาลีมีคุณสมบัติแตกต่างจากแป้งชนิดอื่นคือ เมื่อผสมน้ำในอัตราส่วนที่ถูกต้องโปรตีนในแป้งจะจับตัวกัน เกิดเป็นก้อนโด (Dough) มีลักษณะเหนียวแต่ยืดหยุ่นได้ สามารถที่จะเก็บแก๊สไว้ได้ ซึ่งจะเป็นโครง

ไข่ปลาทอด

ไข่ปลาก็อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าทานบ่อยไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ เพราะคอเลสเตอรอลสูงมากๆ แต่มันก็อดใจไม่ไหว มันอร่อย คราวที่แล้วก็ทำเมนู ต้มยำไข่ปลา ไปแล้ว คราวนี้ก็ไข่ปลาอีกแล้วแต่เป็นเมนูไข่ปลาทอดแทน ไม่ไหวแล้วขอตัวไปทานไข่ปลาทอดก่อนดีกว่า สิ่งที่้ต้องเตรียม ไข่ปลายี่สก 400 กรัม กระเทียม 7 กลีบ พริกไทย 1/2 ช้อนชา ซีอิ้วชาว 1 ช้อนโต๊ะ ผงปรุงรส 1 ช้อนชา แป้งโกกิ 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำไข่ปลาทอด - แกะเปลือกกระเทียมออก ทุบกระเทียมหยาบๆ แล้วสับให้ละเอียด - ล้างไข่ปลาแล้วฉีกพวงไข่ปลาให้แยกออกจากกัน (ส่วนที่เป็นเยื่อหุ้มไม่แน่ใจว่าเค้าเรียกว่าอะไร) - มักไข่ปลากันกระเทียม พริกไทย ซีอิ้วขาว ผงปรุงรส หมักทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที - ละลายแป้งโกกิกับน้ำเย็นให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วเทใส่ชามที่หมักไข่ปลา ค่อยๆ คนให้เข้ากัน - ตั้งกระทะใส่น้ำมันสำหรับทอด ปรับไฟกลางถึงอ่อน พอร้อนใส่ไข่ปลาลงไปทอด - ขณะที่ทอดห้ามคน รอให้ข้างล่างสุกกรอบก่อนค่อยกลับอีกด้านลงไปทอดให้เหลืองกรอบทั้งสองด้าน จึงตักพักไว้บนกระดาษซับน้ำมัน - จัดใส่จานเสิร์ฟทานกับผักสดและพริกน้ำปลาแซ่บหลายเด้อ

กล้วยกวนสูตรโบราณ

มีกล้วยหอมสุกงอมอยู่ จะเอาทิ้งก็ใช่ที่ ซื้อมาทำไมซื้อมาแล้วไม่กิน เสียดายของ กล้วยน้ำว้าเราก็มีเอามาทำกล้วยกวนทานกันดีกว่าไม่เสียของแถมอร่อยอีกต่างหาก เคยมีคนสอนทำตั้งนานแล้ว เค้าบอกว่าเป็นกล้วยกวนสูตรโบราณด้วยนะเออ มาดูวิธีทำกล้วยกวนสูตรโบราณกันดีกว่าค่ะ สิ่งที่ต้องเตรียม กล้วยน้ำว้าสุกงอม 10 ลูก กล้วยหอมสุกงอม 5 ลูก มะพร้าวขูด 500 กรัม น้ำตาลทราย 200 กรัม เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบ วิธีทำ - ปอกเปลือกกล้วยน้ำว้าและกล้วยหอม หั่นเป็นชิ้นแล้วปั่นให้ละเอียด เตรียมไว้ - คั้นมะพร้าวกับน้ำอุ่นให้ได้น้ำกะทิ 2 ถ้วย หางกะทิ 2 ถ้วย - นำหัวกะทิ ตั้งไฟอ่อนเคี่ยวให้เป็นน้ำมัน ยกลงพักทิ้งไว้ - ผสมหางกะทิ กับน้ำตาลทราย ยกหม้อขึ้นตั้งไฟ ใช้ไฟกลางให้น้ำตาลละลาย - พอน้ำตาลละลายดีแล้วยกลง ทิ้งไว้สักครู่ให้พอคลายร้อน แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง - เทลงในกระทะทองยกขึ้นตั้งไฟ ใส่กล้วยลงไป ใช้ไฟแรง กวนด้วยไม้พายกวนขนม จากนั้นลดไฟลงใช้ไฟอ่อน ใช้เวลาในการกวนประมาณ 4 – 5 ชั่วโมง จนมีลักษณะข้นเหนียว - ค่อยๆ เทหัวกะทิลงทีละน้อย กวนให้เข้ากันจนกล้วยแห้งเหนียวพอปั้นได้ ยกลง เทใส่ถาดใช้ไม้คลึงหน้าขนมให้เรียบรอให้เย็นแล้วตัดเ