ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

วิธีปลูกต้นพริก




พริก ถือว่าเป็นส่วนประกอบของอาหารไทยๆ ที่คนไทยอย่างเราๆ จะต้องมีไว้ติดครัวตลอดเลย แทบจะไม่มีวันไหนเลย ที่เข้าครัววทำอาหารแล้วไม่ได้ใส่พริก ในเมื่อเราจำเป็นต้องใช้ปรุงอาหารเกือบทุกวันอยู่แล้ว ทำไมเราไม่คิดที่จะปลูกเอง แทนการต้องไปซื้อจากคนอื่น จะใช้ทีก็เดินไปเก็บที่ต้นได้เลย ได้พริกปลอดสารพิษแถมยังได้ของสดๆ จากต้นอีกต่างหาก วันนี้เลยลงทุนไปร้านขายอุปกรณ์การเกษตรเพื่อไปหาซื้อเมล็ดพริกที่เค้ามีขายเป็นซองมาลองปลูกเองที่บ้าน และแอบตีซี้กับน้องเจ้าของร้านเพื่อขอเคล็ดลับการปลูกพริกที่ให้ได้ผล จึงทำให้ทราบว่าการปลูกต้นพริกนั้นทำได้หลายวิธี เราได้ลองปลูกเองแล้ว สนุกดีแล้วยังใจดีเอาคำแนะนำการปลูกต้นพริกมาฝากอีกด้วย

วิธีที่ 1 เพาะเมล็ดพริกโดยการขุดดินให้เป็นหลุม แล้วหยอดเมล็ดลงไปในหลุมโดยตรง ให้หยอดหลุมละ 3-5 เมล็ด ซึ่งวิธีนี้เค้าจะนิยมปลูกกันในแปลงที่มีขนาดใหญ่ แต่จุดอ่อนของการปลูกพริกด้วยวิธีนี้ ก็คือ ต้นพริกจะอ่อนแอ และอาจจะถูกมดและแมลงอื่นๆกัดกินใบได้ง่าย

วิธีที่ 2 เพาะเมล็ดพริกให้งอกเสียก่อน แล้วจึงขุดดินเป็นหลุมนำแล้วนำเมล็ดที่งอกแล้วไปปลูกในหลุม กลบด้วยดินบางๆ สำหรับวิธีการเพาะเมล็ดพริก ก็คือ นำเมล็ดพันธุ์ไปแช่ไว้ในน้ำทิ้งไว้ 1 คืน จากนั้นนำผ้าชุบน้ำหมาดๆ มาห่อทิ้งไว้ประมาณ 2-3 วัน เมล็ดก็จะงอกแล้วนำไปปลูก เมื่อต้นพริกเริ่มโตได้ซักประมาณ 5 ซม.แล้ว ถ้าหลุมไหนที่มีต้นงอกมากกว่า 1 ต้น ให้ถอนต้นอื่นทิ้ง เหลือไว้เฉพาะต้นที่แข็งแรงที่สุดไว้หลุมละ 1 ต้นก็พอ

วิธีที่ 3 เพาะเมล็ดในแปลงเพาะให้เป็นต้นกล้าก่อน เมื่อขุดดินขึ้นแปลงเพาะแล้วควรใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 ปริมาณ 100 กรัม/ตารางเมตร ขุดดินให้ลึกประมาณ 5-8 นิ้ว ถ้าจะให้ได้ผลดีให้ใช้ฟูราดานในการเพาะด้วย หลังจากหว่านเมล็ดแล้วประมาณ 10 วัน เมื่อต้นพริกมีอายุได้ 18 วัน ให้รดด้วยน้ำผสมปุ๋ยแอมโมเนียซัลเฟต อัตราส่วน 1 กรัม/น้ำ 200 ซีซี. แล้วรดน้ำตามทันที เพื่อป้องกันโรคควรรดด้วยไดโฟลาแทน 80 หรือไดเทน เอ็ม 45

ถ้าใครอยากใช้วิธีไหนก็ลองเอาไปทำดูนะคะ แต่เราจะใช้วิธีที่ 2 เพราะดูแล้วน่าจะได้ผลดีแล้วยังไม่ยุ่งยากมากด้วย แต่ถ้าใครคิดจะปลูกพริกอย่างมืออาชีพเพื่อเอาไว้ขาย ก็น่าจะลองวิธีที่ 3 ดูนะคะ ยุ่งยากแต่คิดว่าน่าจะได้ผลดีกว่าเยอะเลย แต่ถ้าจะให้ดีควรศึกษาเพิ่มเติมให้เยอะกว่านี้อีกนิดนึงน่าจะดีกว่า

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แป้งสาลี

หลายๆท่านที่เคยทำขนมทำเบเกอรี่มาก็ไม่รู้ซักกี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ต้อง มีส่วนประกอบของแป้งสาลี เช่น ขนมปัง ขนมเค้ก พิซซ่า บะหมี่ คุ้กกี้ ฯลฯ อาหารต่างๆ เหล่านี้ล้วนทำมาจากแป้งสาลีทั้งสิ้น แป้งสาลีจึงถือว่าเป็นวัตถุดิบที่มีบทบาทสำคัญมากต่อการปรุงอาหารในปัจจุบัน แต่จะมีคนซักกี่คนที่จะรู้จักที่มาที่ไปของแป้งสาลีดีพอ วันนี้เลยมีเรื่องเกี่ยวกับแป้งสาลีมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อที่จะได้รู้จักแป้งสาลีกันมากขึ้น ในสมัยก่อนแป้งสาลีนั้นเราได้จากการบดหรือโม่เมล็ดข้าวให้ได้แป้ง โดยใช้โม่หินเมื่อเวลาผ่านมามนุษย์สมัยก่อนได้รู้จักการผสมแป้ง และน้ำเข้าด้วยกันจนกลายเป็นก้อนโด(Dough)และนำก้อนโดนี้ ไปอบบนหินเผาไฟก้อนโดนี้จะมีลักษณะแข็งภายนอก เนื้อในนุ่ม ซึ่งเหมือนกับการอบขนมปังทั่วๆ ไปนั่นเอง คิดว่าน่าจะเป็นโอกาสอันดีที่เราควรจะมารู้จักแป้งสาลีให้ดีขึ้น เพื่อที่จะได้นำแป้งสาลีไปใช้ได้ถูกต้องกับการทำอาหาร แต่ละชนิด แป้งสาลีมีคุณสมบัติแตกต่างจากแป้งชนิดอื่นคือ เมื่อผสมน้ำในอัตราส่วนที่ถูกต้องโปรตีนในแป้งจะจับตัวกัน เกิดเป็นก้อนโด (Dough) มีลักษณะเหนียวแต่ยืดหยุ่นได้ สามารถที่จะเก็บแก๊สไว้ได้ ซึ่งจะเป็นโครง

ไข่ปลาทอด

ไข่ปลาก็อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าทานบ่อยไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ เพราะคอเลสเตอรอลสูงมากๆ แต่มันก็อดใจไม่ไหว มันอร่อย คราวที่แล้วก็ทำเมนู ต้มยำไข่ปลา ไปแล้ว คราวนี้ก็ไข่ปลาอีกแล้วแต่เป็นเมนูไข่ปลาทอดแทน ไม่ไหวแล้วขอตัวไปทานไข่ปลาทอดก่อนดีกว่า สิ่งที่้ต้องเตรียม ไข่ปลายี่สก 400 กรัม กระเทียม 7 กลีบ พริกไทย 1/2 ช้อนชา ซีอิ้วชาว 1 ช้อนโต๊ะ ผงปรุงรส 1 ช้อนชา แป้งโกกิ 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำไข่ปลาทอด - แกะเปลือกกระเทียมออก ทุบกระเทียมหยาบๆ แล้วสับให้ละเอียด - ล้างไข่ปลาแล้วฉีกพวงไข่ปลาให้แยกออกจากกัน (ส่วนที่เป็นเยื่อหุ้มไม่แน่ใจว่าเค้าเรียกว่าอะไร) - มักไข่ปลากันกระเทียม พริกไทย ซีอิ้วขาว ผงปรุงรส หมักทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที - ละลายแป้งโกกิกับน้ำเย็นให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วเทใส่ชามที่หมักไข่ปลา ค่อยๆ คนให้เข้ากัน - ตั้งกระทะใส่น้ำมันสำหรับทอด ปรับไฟกลางถึงอ่อน พอร้อนใส่ไข่ปลาลงไปทอด - ขณะที่ทอดห้ามคน รอให้ข้างล่างสุกกรอบก่อนค่อยกลับอีกด้านลงไปทอดให้เหลืองกรอบทั้งสองด้าน จึงตักพักไว้บนกระดาษซับน้ำมัน - จัดใส่จานเสิร์ฟทานกับผักสดและพริกน้ำปลาแซ่บหลายเด้อ

แกงกะหล่ำปลีใส่หมู

ไปเที่ยวที่บ้านกลับมาคราวนี้ เราแบกผักสดมาจากบ้านเยอะมาก มีทั้งลูกขนุนอ่อน ถั่วฝักยาว พริกหนุ่ม กระเทียมสด มะเขือเทศ แล้วยังมีกะหล่ำปลีอีกด้วย ทุุกอย่างเป็นผลิตผลจากสวนของน้าซึ่งเป็นน้องชายของแม่ทั้งนั้น วันนี้เราเลยลงมือทำแกงกะหล่ำปลีใส่หมู ซึ่งเป็นสูตรอาหารของชาวเหนือแท้ๆ มาค่ะมาดูว่าแกงกะหล่ำปลีใส่หมูของสาวเหนือเช่นเราทำกันยังไงน๊า สิ่งที่ต้องเตรียม กะหล่ำปลีซอยหยาบๆ 1 หัว (ประมาณ 500 กรัม) เนื้อหมูหั่นชิ้นพอดีคำ 250 กรัม มะเขือเทศสีดาผ่าครึ่ง 5-6 ลูก พริกขี้หนูแห้ง 12 เม็ด กระเทียม 7 กลีบ หอมแดง 2 หัว เกลือป่น 1/2 ช้อนชา กะปิ 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ ต้นหอมผักชีซอย 2-3 ต้น วิธีทำแกงกะหล่ำใส่หมู - เรามาลงมือตำน้ำพริกกันก่อนค่ะ โดยนำพริกแห้ง หอมแดง กระเทียม เกลือป่น และกะปิ ใส่ครกตำให้ละเอียด - เอาหมูใส่ลงไปในหม้อ ตักน้ำพริกแกงที่ตำไว้ใส่ตามลงไป - ใช้น้ำเปล่าล้างครกให้เกลี้ยง เทใส่ลงไปในหม้อ คนให้พริกแกงละลาย ยกหม้อขึ้นตั้งไฟ คั่วไปเรื่อยๆ จนน้ำเริ่มแห้ง ทีนี้ก็ใส่น้ำลงไปกะให้ท่วมเนื้อหมูและกะหล่ำปลี ตั้งทิ้งไว้รอให้เดือด - พอน้ำในหม้อเดือด ก็ใ่ส่กะหล่ำปลีลงไป ใช้ทัพพีกดเบาๆ ให