ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ขนมไข่หงส์



เคยมีใครได้อ่านประวัติของขนมไข่หงส์บ้างหรือยังเอ่ย เราเคยทานอยู่บ่อยๆ ตอนเป็นเด็กเพราะถือได้ว่าเป็นขนมโปรดอีก 1 เมนูเลยล่ะ และมีโอกาสได้อ่านประวัติมาบ้างแล้ว สำหรับใครที่ยังไม่เคยทราบประวัติของขนมไข่หงส์ เราก็จะเล่าคร่าวๆ ให้อ่านก็แล้วกัน ขนมไข่หงส์เกิดขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระองค์ทรงมีข้าทาสบริจาริกาตำแหน่งเจ้าจอมอยู่หลายคน แต่มีคนหนึ่งที่เป็นที่โปรดปรานของพระองค์มาก คือเจ้าจอมแว่น และในพระราชพิธีสำคัญพิธีหนึ่ง พระองค์มีรับสั่งจะเสวยขนมไข่เหี้ย ซึ่งคนโบราณนิยมรับประทานกับมังคุด แต่หายากมาก เจ้าจอมแว่นจึงคิดประดิษฐ์ขนมไข่เหี้ยสูตรพิเศษนี้ขึ้นถวายแทน เป็นที่พอพระทัยของพระองค์มากและนิยมรับประทานกันมาจนถึงทุกวันนี้ ขนมไข่เหี้ยนี้ต่อมาเห็นว่าชื่อไม่เพราะ จึงเปลี่ยนชื่อเรียกใหม่ว่าขนมไข่สวรรค์หรือขนมไข่หงส์ เมื่อพอจะทราบประวัติพอสังเขปแล้ว วันนี้ก็เลยมีสูตรการทำขนมไข่หงส์มาฝากค่ะ มาดูกรรมวิธีการทำขนมไข่หงส์กันเลยดีกว่าค่ะ


สิ่งที่ต้องเตรียม

ส่วนผสมของตัวแป้ง
แป้งข้าวเหนียว 3 ถ้วยตวง
แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ
กะทิ 1/2 ถ้วยตวง
ฟักทองบด 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันสำหรับทอด

ส่วนผสมไส้
ถั่วเขียวซีกแช่ค้างคืน 1 ถ้วยตวง
พริกไทย 1/2 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลสำหรับฉาบขนม
น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
น้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ

- นำแป้งทั้ง 2 ชนิด ผสมรวมกันใส่กะทิลงไป นวดให้นิ่มเหมือนแป้งโม่ทับน้ำ
- จากนั้นใส่ฟักทองนวดให้เข้ากัน แล้วใส่น้ำตาลปี๊บนวดอีกซักครู่จะเหลวพอปั้นได้ พักไว้โดยใช้ภาชนะปิดไว้ให้อุ่น เพื่อให้แป้งขึ้นฟูตัว ประมาณ 3 ชั่วโมง
- นำถั่วเขียวซีกนึ่งให้สุก มาบดให้ละเอียด ผัดกับน้ำมันพืช ปรุงรสด้วยน้ำตาล เกลือ พริกไทยให้มีรสหวาน เค็ม หอมกลิ่นพริกไทย
- เมื่อผัดไส้ได้ที่แล้วนำมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ เท่าหัวแม่มือ ปั้นจนหมดที่เตรียมไว้
- นำแป้งที่พักไว้จนครบ 3 ชั่วโมง มาปั้นห่อไส้ให้หมดพักไว้
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันมากหน่อย เราใช้ประมาณ 1/2 ขวด ตั้งไฟปานกลาง พอน้ำมันร้อน นำขนมลงไปทอดจนเหลืองพักไว้เพื่อจะเอาไปฉาบด้วยน้ำตาลต่อ
- วิธีฉาบ เอาน้ำตาลทรายใส่กระทะ ใส่น้ำเล็กน้อย ใส่น้ำมันพืช และเกลือ ใช้ไฟอ่อนๆ พอเหนียวก็เอาขนมลงไปฉาบให้น้ำตาลเกาะทั่วก็เป็นอันใช้ได้แล้วละค่ะ จากนั้นตักขึ้นผึ่งไว้ให้เย็น จนน้ำตาลตกผลึกจับตัวขนมแล้วจึงเก็บใส่ภาชนะมีฝาปิด

ความคิดเห็น

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า
ขนมนี้น่ากินมากครังและทุกอย่างน่ากินมากเลยครับจะมาแสดงควาวคิดเห็นบ่อยๆๆนะครับบายภาพน่ากินมากเลยครับ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แป้งสาลี

หลายๆท่านที่เคยทำขนมทำเบเกอรี่มาก็ไม่รู้ซักกี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ต้อง มีส่วนประกอบของแป้งสาลี เช่น ขนมปัง ขนมเค้ก พิซซ่า บะหมี่ คุ้กกี้ ฯลฯ อาหารต่างๆ เหล่านี้ล้วนทำมาจากแป้งสาลีทั้งสิ้น แป้งสาลีจึงถือว่าเป็นวัตถุดิบที่มีบทบาทสำคัญมากต่อการปรุงอาหารในปัจจุบัน แต่จะมีคนซักกี่คนที่จะรู้จักที่มาที่ไปของแป้งสาลีดีพอ วันนี้เลยมีเรื่องเกี่ยวกับแป้งสาลีมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อที่จะได้รู้จักแป้งสาลีกันมากขึ้น ในสมัยก่อนแป้งสาลีนั้นเราได้จากการบดหรือโม่เมล็ดข้าวให้ได้แป้ง โดยใช้โม่หินเมื่อเวลาผ่านมามนุษย์สมัยก่อนได้รู้จักการผสมแป้ง และน้ำเข้าด้วยกันจนกลายเป็นก้อนโด(Dough)และนำก้อนโดนี้ ไปอบบนหินเผาไฟก้อนโดนี้จะมีลักษณะแข็งภายนอก เนื้อในนุ่ม ซึ่งเหมือนกับการอบขนมปังทั่วๆ ไปนั่นเอง คิดว่าน่าจะเป็นโอกาสอันดีที่เราควรจะมารู้จักแป้งสาลีให้ดีขึ้น เพื่อที่จะได้นำแป้งสาลีไปใช้ได้ถูกต้องกับการทำอาหาร แต่ละชนิด แป้งสาลีมีคุณสมบัติแตกต่างจากแป้งชนิดอื่นคือ เมื่อผสมน้ำในอัตราส่วนที่ถูกต้องโปรตีนในแป้งจะจับตัวกัน เกิดเป็นก้อนโด (Dough) มีลักษณะเหนียวแต่ยืดหยุ่นได้ สามารถที่จะเก็บแก๊สไว้ได้ ซึ่งจะเป็นโครง

ไข่ปลาทอด

ไข่ปลาก็อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าทานบ่อยไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ เพราะคอเลสเตอรอลสูงมากๆ แต่มันก็อดใจไม่ไหว มันอร่อย คราวที่แล้วก็ทำเมนู ต้มยำไข่ปลา ไปแล้ว คราวนี้ก็ไข่ปลาอีกแล้วแต่เป็นเมนูไข่ปลาทอดแทน ไม่ไหวแล้วขอตัวไปทานไข่ปลาทอดก่อนดีกว่า สิ่งที่้ต้องเตรียม ไข่ปลายี่สก 400 กรัม กระเทียม 7 กลีบ พริกไทย 1/2 ช้อนชา ซีอิ้วชาว 1 ช้อนโต๊ะ ผงปรุงรส 1 ช้อนชา แป้งโกกิ 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำไข่ปลาทอด - แกะเปลือกกระเทียมออก ทุบกระเทียมหยาบๆ แล้วสับให้ละเอียด - ล้างไข่ปลาแล้วฉีกพวงไข่ปลาให้แยกออกจากกัน (ส่วนที่เป็นเยื่อหุ้มไม่แน่ใจว่าเค้าเรียกว่าอะไร) - มักไข่ปลากันกระเทียม พริกไทย ซีอิ้วขาว ผงปรุงรส หมักทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที - ละลายแป้งโกกิกับน้ำเย็นให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วเทใส่ชามที่หมักไข่ปลา ค่อยๆ คนให้เข้ากัน - ตั้งกระทะใส่น้ำมันสำหรับทอด ปรับไฟกลางถึงอ่อน พอร้อนใส่ไข่ปลาลงไปทอด - ขณะที่ทอดห้ามคน รอให้ข้างล่างสุกกรอบก่อนค่อยกลับอีกด้านลงไปทอดให้เหลืองกรอบทั้งสองด้าน จึงตักพักไว้บนกระดาษซับน้ำมัน - จัดใส่จานเสิร์ฟทานกับผักสดและพริกน้ำปลาแซ่บหลายเด้อ

แกงกะหล่ำปลีใส่หมู

ไปเที่ยวที่บ้านกลับมาคราวนี้ เราแบกผักสดมาจากบ้านเยอะมาก มีทั้งลูกขนุนอ่อน ถั่วฝักยาว พริกหนุ่ม กระเทียมสด มะเขือเทศ แล้วยังมีกะหล่ำปลีอีกด้วย ทุุกอย่างเป็นผลิตผลจากสวนของน้าซึ่งเป็นน้องชายของแม่ทั้งนั้น วันนี้เราเลยลงมือทำแกงกะหล่ำปลีใส่หมู ซึ่งเป็นสูตรอาหารของชาวเหนือแท้ๆ มาค่ะมาดูว่าแกงกะหล่ำปลีใส่หมูของสาวเหนือเช่นเราทำกันยังไงน๊า สิ่งที่ต้องเตรียม กะหล่ำปลีซอยหยาบๆ 1 หัว (ประมาณ 500 กรัม) เนื้อหมูหั่นชิ้นพอดีคำ 250 กรัม มะเขือเทศสีดาผ่าครึ่ง 5-6 ลูก พริกขี้หนูแห้ง 12 เม็ด กระเทียม 7 กลีบ หอมแดง 2 หัว เกลือป่น 1/2 ช้อนชา กะปิ 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ ต้นหอมผักชีซอย 2-3 ต้น วิธีทำแกงกะหล่ำใส่หมู - เรามาลงมือตำน้ำพริกกันก่อนค่ะ โดยนำพริกแห้ง หอมแดง กระเทียม เกลือป่น และกะปิ ใส่ครกตำให้ละเอียด - เอาหมูใส่ลงไปในหม้อ ตักน้ำพริกแกงที่ตำไว้ใส่ตามลงไป - ใช้น้ำเปล่าล้างครกให้เกลี้ยง เทใส่ลงไปในหม้อ คนให้พริกแกงละลาย ยกหม้อขึ้นตั้งไฟ คั่วไปเรื่อยๆ จนน้ำเริ่มแห้ง ทีนี้ก็ใส่น้ำลงไปกะให้ท่วมเนื้อหมูและกะหล่ำปลี ตั้งทิ้งไว้รอให้เดือด - พอน้ำในหม้อเดือด ก็ใ่ส่กะหล่ำปลีลงไป ใช้ทัพพีกดเบาๆ ให