ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ขนมตาล

ขนมตาล เป็นขนมไทยโบราณ ในปัจจุบัน หาทานขนมตาลรสชาติดั้งเดิมได้ยาก
เนื่องจากปริมาณการปลูกต้นตาลที่ลดลง ขนมตาลที่ขายตามท้องตลาดส่วนใหญ่
ผู้ผลิตมักใส่เนื้อตาลน้อย เพิ่มแป้งและเจือสีเหลืองแทน ซึ่งทำให้ขนมตาลมีเนื้อกระด้าง
ไม่หอมหวาน ทานแล้วไม่ถูกปากสำหรับที่เคยทานขนมตาลสูตรดั้งเดิมมาแล้ว
ขนมตาลจะเป็นขนมที่เนื้อมีลักษณะเป็นแป้งสีเหลืองเข้ม นุ่ม ฟู
มีกลิ่นตาลหอมหวาน ขนมตาลทำจากเนื้อตาลจากผลตาลแก่จัดที่สุกงอม
แป้งข้าวเจ้า กะทิ และน้ำตาล ผสมกันตามสัดส่วนและกรรมวิธี
ใส่กระทงใบตอง โรยมะพร้าวขูด และนำไปนึ่งจนสุก



















สิ่งที่ต้องเตรียม
ลูกตาลสุก 2 ผล
แป้งข้าวเจ้า 2 1/2 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
กะทิ 2 1/2 ถ้วยตวง
มะพร้าวทึนทึกขูดเส้น 1/2 ถ้วยตวง
เกลือป่น ½ ช้อนชา


วิธีทำ
- นำลูกตาลที่สุกจนเปลือกดำ มาปอกเปลือกออก ยีกับน้ำต้มสุก
ให้หมดสีเหลือง
- นำน้ำที่ยีได้ใส่ในถุงผ้าผูกไว้ให้น้ำจากเนื้อตาลตกเหลือแต่เนื้อ
(ถุงผ้าที่เรามักเอาไว้ใช้คั้นกะทิก็ได้ค่ะ) เมื่อเรียบร้อยแล้วจะได้เนื้อตาลยี
ประมาณ ½ ถ้วย
- ผสมกะทิกับน้ำตาลทราย นำไปตั้งไฟพอละลาย ยกลงกรองนำกลับไป
ตั้งไฟใหมจนเดือดทั่วดี ยกลงพักไว้ให้เย็น
- ผสมแป้งข้าวเจ้ากับเนื้อลูกตาล เข้าด้วยกัน ค่อยๆ ใส่กะทิที่ผสมน้ำตาล
ลงทีละน้อย นวดจนส่วนผสมไม่เป็นเม็ด ปิดฝา นำไปตากแดดจัดๆ
ปล่อยให้ขึ้นประมาณ 2-3 ชั่วโมง
- พอแป้งขึ้นดี (สังเกตจะเห็นมีฟองบนเนื้อแป้ง) ค่อยๆ คนส่วนผสมให้ทั่วก่อน
แล้วจึงนำไปตักหยอดใส่กระทงใบตอง โรยหน้าด้วยมะพร้าวขูดผสมเกลือป่นที่เตรียมไว้
- แล้วนำไปนึ่งในน้ำเดือด ไฟแรงประมาณ 10-15 นาที จนสุก ยกลงพักให้เย็น
ค่อยนำไปรับประทาน



เคล็ดลับ
- ถ้ามีเครื่องโม่แป้ง แนะนำให้ใช้แป้งโม่สดๆ ดีกว่าเพื่อที่เราจะได้ผสมข้าวสุก
ลงไปข้าวเจ้าที่จะโม่ประมาณ 1 กำมือ เมื่อโม่เสร็จแล้วทับแป้งให้แห้ง
ตอนที่จะผสมเนื้อลูกตาลกับแป้งก็ใช้หัวกะทิผสมไปด้วย
(การใส่ข้าวสุกลงไปจะทำให้ขนมตาลฟูเร็วกว่าเดิมมาก)
- ช่วงเวลาที่พักแป้งไว้ไม่ควรให้นานจนเกินไป เพราะจะทำให้ขนมที่นึ่งสุกแล้ว
มีรสเปรี้ยวไม่อร่อย

ความคิดเห็น

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า
ขอบคุณมาก สำหรับข้อมูลครับ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แป้งสาลี

หลายๆท่านที่เคยทำขนมทำเบเกอรี่มาก็ไม่รู้ซักกี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ต้อง มีส่วนประกอบของแป้งสาลี เช่น ขนมปัง ขนมเค้ก พิซซ่า บะหมี่ คุ้กกี้ ฯลฯ อาหารต่างๆ เหล่านี้ล้วนทำมาจากแป้งสาลีทั้งสิ้น แป้งสาลีจึงถือว่าเป็นวัตถุดิบที่มีบทบาทสำคัญมากต่อการปรุงอาหารในปัจจุบัน แต่จะมีคนซักกี่คนที่จะรู้จักที่มาที่ไปของแป้งสาลีดีพอ วันนี้เลยมีเรื่องเกี่ยวกับแป้งสาลีมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อที่จะได้รู้จักแป้งสาลีกันมากขึ้น ในสมัยก่อนแป้งสาลีนั้นเราได้จากการบดหรือโม่เมล็ดข้าวให้ได้แป้ง โดยใช้โม่หินเมื่อเวลาผ่านมามนุษย์สมัยก่อนได้รู้จักการผสมแป้ง และน้ำเข้าด้วยกันจนกลายเป็นก้อนโด(Dough)และนำก้อนโดนี้ ไปอบบนหินเผาไฟก้อนโดนี้จะมีลักษณะแข็งภายนอก เนื้อในนุ่ม ซึ่งเหมือนกับการอบขนมปังทั่วๆ ไปนั่นเอง คิดว่าน่าจะเป็นโอกาสอันดีที่เราควรจะมารู้จักแป้งสาลีให้ดีขึ้น เพื่อที่จะได้นำแป้งสาลีไปใช้ได้ถูกต้องกับการทำอาหาร แต่ละชนิด แป้งสาลีมีคุณสมบัติแตกต่างจากแป้งชนิดอื่นคือ เมื่อผสมน้ำในอัตราส่วนที่ถูกต้องโปรตีนในแป้งจะจับตัวกัน เกิดเป็นก้อนโด (Dough) มีลักษณะเหนียวแต่ยืดหยุ่นได้ สามารถที่จะเก็บแก๊สไว้ได้ ซึ่งจะเป็นโครง

ไข่ปลาทอด

ไข่ปลาก็อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าทานบ่อยไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ เพราะคอเลสเตอรอลสูงมากๆ แต่มันก็อดใจไม่ไหว มันอร่อย คราวที่แล้วก็ทำเมนู ต้มยำไข่ปลา ไปแล้ว คราวนี้ก็ไข่ปลาอีกแล้วแต่เป็นเมนูไข่ปลาทอดแทน ไม่ไหวแล้วขอตัวไปทานไข่ปลาทอดก่อนดีกว่า สิ่งที่้ต้องเตรียม ไข่ปลายี่สก 400 กรัม กระเทียม 7 กลีบ พริกไทย 1/2 ช้อนชา ซีอิ้วชาว 1 ช้อนโต๊ะ ผงปรุงรส 1 ช้อนชา แป้งโกกิ 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำไข่ปลาทอด - แกะเปลือกกระเทียมออก ทุบกระเทียมหยาบๆ แล้วสับให้ละเอียด - ล้างไข่ปลาแล้วฉีกพวงไข่ปลาให้แยกออกจากกัน (ส่วนที่เป็นเยื่อหุ้มไม่แน่ใจว่าเค้าเรียกว่าอะไร) - มักไข่ปลากันกระเทียม พริกไทย ซีอิ้วขาว ผงปรุงรส หมักทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที - ละลายแป้งโกกิกับน้ำเย็นให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วเทใส่ชามที่หมักไข่ปลา ค่อยๆ คนให้เข้ากัน - ตั้งกระทะใส่น้ำมันสำหรับทอด ปรับไฟกลางถึงอ่อน พอร้อนใส่ไข่ปลาลงไปทอด - ขณะที่ทอดห้ามคน รอให้ข้างล่างสุกกรอบก่อนค่อยกลับอีกด้านลงไปทอดให้เหลืองกรอบทั้งสองด้าน จึงตักพักไว้บนกระดาษซับน้ำมัน - จัดใส่จานเสิร์ฟทานกับผักสดและพริกน้ำปลาแซ่บหลายเด้อ

แกงกะหล่ำปลีใส่หมู

ไปเที่ยวที่บ้านกลับมาคราวนี้ เราแบกผักสดมาจากบ้านเยอะมาก มีทั้งลูกขนุนอ่อน ถั่วฝักยาว พริกหนุ่ม กระเทียมสด มะเขือเทศ แล้วยังมีกะหล่ำปลีอีกด้วย ทุุกอย่างเป็นผลิตผลจากสวนของน้าซึ่งเป็นน้องชายของแม่ทั้งนั้น วันนี้เราเลยลงมือทำแกงกะหล่ำปลีใส่หมู ซึ่งเป็นสูตรอาหารของชาวเหนือแท้ๆ มาค่ะมาดูว่าแกงกะหล่ำปลีใส่หมูของสาวเหนือเช่นเราทำกันยังไงน๊า สิ่งที่ต้องเตรียม กะหล่ำปลีซอยหยาบๆ 1 หัว (ประมาณ 500 กรัม) เนื้อหมูหั่นชิ้นพอดีคำ 250 กรัม มะเขือเทศสีดาผ่าครึ่ง 5-6 ลูก พริกขี้หนูแห้ง 12 เม็ด กระเทียม 7 กลีบ หอมแดง 2 หัว เกลือป่น 1/2 ช้อนชา กะปิ 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ ต้นหอมผักชีซอย 2-3 ต้น วิธีทำแกงกะหล่ำใส่หมู - เรามาลงมือตำน้ำพริกกันก่อนค่ะ โดยนำพริกแห้ง หอมแดง กระเทียม เกลือป่น และกะปิ ใส่ครกตำให้ละเอียด - เอาหมูใส่ลงไปในหม้อ ตักน้ำพริกแกงที่ตำไว้ใส่ตามลงไป - ใช้น้ำเปล่าล้างครกให้เกลี้ยง เทใส่ลงไปในหม้อ คนให้พริกแกงละลาย ยกหม้อขึ้นตั้งไฟ คั่วไปเรื่อยๆ จนน้ำเริ่มแห้ง ทีนี้ก็ใส่น้ำลงไปกะให้ท่วมเนื้อหมูและกะหล่ำปลี ตั้งทิ้งไว้รอให้เดือด - พอน้ำในหม้อเดือด ก็ใ่ส่กะหล่ำปลีลงไป ใช้ทัพพีกดเบาๆ ให