ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ขนมชั้นใบเตย




ส่วนผสมขนมชั้นใบเตย
แป้งมัน 1/2 ถ้วย
แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วย
เท้ายายม่อม 1 1/2 ถ้วย
หัวกะทิคั้นข้น 1/2 ถ้วย
หางกะทิ 3 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทราย 2 ถ้วย
น้ำลอยดอกมะลิ 1/2 ถ้วย
น้ำใบเตยคั้นข้น ๆ 1/2 ถ้วย
ถาดสี่เหลี่ยม ขนาด 10 นิ้วx10 นิ้ว

วิธีการทำขนมชั้นใบเตย
- นำน้ำตาลทรายผสมกับหางกะทิเข้าด้วยกัน คนจนน้ำตาลทรายละลายเตรียมไว้
- ร่อนแป้งมัน แป้งข้าวเจ้าและแป้งเท้ายายม่อมเข้าด้วยกันใส่ในชามผสม ค่อยๆ รินหัวกะทิใส่ลงไปทีละน้อยแล้วนวด นวดไปเรื่อยๆ จนหมดหัวกะทิ จะได้แป้งเนื้อเนียนเป็นก้อน
- จากนั้นใส่หางกะทิทั้งหมดลงไป คนให้ละลายเข้ากัน แล้วนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง
- แบ่งแป้งที่กรองแล้วเป็น 2 ส่วน เท่าๆ กัน ส่วนแรกใส่น้ำลอยดอกมะลิคนให้เข้ากัน ส่วนที่ 2 ใส่น้ำใบเตยคนให้เข้ากัน
- นำถาดขนมไปนึ่งให้ร้อน เมื่อร้อนได้ที่แล้วตักแป้งสีขาวลงไปในถาดก่อนเป็นชั้นแรก นึ่งทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที
- แล้วจึงเทสีเขียวลงไปเป็นชั้นที่ 2 แล้วนึ่งทิ้งไว้เช่นเดียวกับสีขาว ทำสลับสีกันไปเรื่อยๆ จนถึงชั้นสุดท้ายเป็นชั้นสีเขียว ให้เพิ่มสีเขียวลงไปในแป้งอีกเล็กน้อยเพื่อความเข้มกว่าชั้นอื่น พอนึ่งเสร็จแล้วยกลงพักไว้ให้เย็นแล้วตัดเป็นชิ้นๆ จัดใส่จานรับประทานได้เลยค่ะ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แป้งสาลี

หลายๆท่านที่เคยทำขนมทำเบเกอรี่มาก็ไม่รู้ซักกี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ต้อง มีส่วนประกอบของแป้งสาลี เช่น ขนมปัง ขนมเค้ก พิซซ่า บะหมี่ คุ้กกี้ ฯลฯ อาหารต่างๆ เหล่านี้ล้วนทำมาจากแป้งสาลีทั้งสิ้น แป้งสาลีจึงถือว่าเป็นวัตถุดิบที่มีบทบาทสำคัญมากต่อการปรุงอาหารในปัจจุบัน แต่จะมีคนซักกี่คนที่จะรู้จักที่มาที่ไปของแป้งสาลีดีพอ วันนี้เลยมีเรื่องเกี่ยวกับแป้งสาลีมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อที่จะได้รู้จักแป้งสาลีกันมากขึ้น ในสมัยก่อนแป้งสาลีนั้นเราได้จากการบดหรือโม่เมล็ดข้าวให้ได้แป้ง โดยใช้โม่หินเมื่อเวลาผ่านมามนุษย์สมัยก่อนได้รู้จักการผสมแป้ง และน้ำเข้าด้วยกันจนกลายเป็นก้อนโด(Dough)และนำก้อนโดนี้ ไปอบบนหินเผาไฟก้อนโดนี้จะมีลักษณะแข็งภายนอก เนื้อในนุ่ม ซึ่งเหมือนกับการอบขนมปังทั่วๆ ไปนั่นเอง คิดว่าน่าจะเป็นโอกาสอันดีที่เราควรจะมารู้จักแป้งสาลีให้ดีขึ้น เพื่อที่จะได้นำแป้งสาลีไปใช้ได้ถูกต้องกับการทำอาหาร แต่ละชนิด แป้งสาลีมีคุณสมบัติแตกต่างจากแป้งชนิดอื่นคือ เมื่อผสมน้ำในอัตราส่วนที่ถูกต้องโปรตีนในแป้งจะจับตัวกัน เกิดเป็นก้อนโด (Dough) มีลักษณะเหนียวแต่ยืดหยุ่นได้ สามารถที่จะเก็บแก๊สไว้ได้ ซึ่งจะเป็นโครง

ไข่ปลาทอด

ไข่ปลาก็อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าทานบ่อยไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ เพราะคอเลสเตอรอลสูงมากๆ แต่มันก็อดใจไม่ไหว มันอร่อย คราวที่แล้วก็ทำเมนู ต้มยำไข่ปลา ไปแล้ว คราวนี้ก็ไข่ปลาอีกแล้วแต่เป็นเมนูไข่ปลาทอดแทน ไม่ไหวแล้วขอตัวไปทานไข่ปลาทอดก่อนดีกว่า สิ่งที่้ต้องเตรียม ไข่ปลายี่สก 400 กรัม กระเทียม 7 กลีบ พริกไทย 1/2 ช้อนชา ซีอิ้วชาว 1 ช้อนโต๊ะ ผงปรุงรส 1 ช้อนชา แป้งโกกิ 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำไข่ปลาทอด - แกะเปลือกกระเทียมออก ทุบกระเทียมหยาบๆ แล้วสับให้ละเอียด - ล้างไข่ปลาแล้วฉีกพวงไข่ปลาให้แยกออกจากกัน (ส่วนที่เป็นเยื่อหุ้มไม่แน่ใจว่าเค้าเรียกว่าอะไร) - มักไข่ปลากันกระเทียม พริกไทย ซีอิ้วขาว ผงปรุงรส หมักทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที - ละลายแป้งโกกิกับน้ำเย็นให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วเทใส่ชามที่หมักไข่ปลา ค่อยๆ คนให้เข้ากัน - ตั้งกระทะใส่น้ำมันสำหรับทอด ปรับไฟกลางถึงอ่อน พอร้อนใส่ไข่ปลาลงไปทอด - ขณะที่ทอดห้ามคน รอให้ข้างล่างสุกกรอบก่อนค่อยกลับอีกด้านลงไปทอดให้เหลืองกรอบทั้งสองด้าน จึงตักพักไว้บนกระดาษซับน้ำมัน - จัดใส่จานเสิร์ฟทานกับผักสดและพริกน้ำปลาแซ่บหลายเด้อ

แกงกะหล่ำปลีใส่หมู

ไปเที่ยวที่บ้านกลับมาคราวนี้ เราแบกผักสดมาจากบ้านเยอะมาก มีทั้งลูกขนุนอ่อน ถั่วฝักยาว พริกหนุ่ม กระเทียมสด มะเขือเทศ แล้วยังมีกะหล่ำปลีอีกด้วย ทุุกอย่างเป็นผลิตผลจากสวนของน้าซึ่งเป็นน้องชายของแม่ทั้งนั้น วันนี้เราเลยลงมือทำแกงกะหล่ำปลีใส่หมู ซึ่งเป็นสูตรอาหารของชาวเหนือแท้ๆ มาค่ะมาดูว่าแกงกะหล่ำปลีใส่หมูของสาวเหนือเช่นเราทำกันยังไงน๊า สิ่งที่ต้องเตรียม กะหล่ำปลีซอยหยาบๆ 1 หัว (ประมาณ 500 กรัม) เนื้อหมูหั่นชิ้นพอดีคำ 250 กรัม มะเขือเทศสีดาผ่าครึ่ง 5-6 ลูก พริกขี้หนูแห้ง 12 เม็ด กระเทียม 7 กลีบ หอมแดง 2 หัว เกลือป่น 1/2 ช้อนชา กะปิ 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ ต้นหอมผักชีซอย 2-3 ต้น วิธีทำแกงกะหล่ำใส่หมู - เรามาลงมือตำน้ำพริกกันก่อนค่ะ โดยนำพริกแห้ง หอมแดง กระเทียม เกลือป่น และกะปิ ใส่ครกตำให้ละเอียด - เอาหมูใส่ลงไปในหม้อ ตักน้ำพริกแกงที่ตำไว้ใส่ตามลงไป - ใช้น้ำเปล่าล้างครกให้เกลี้ยง เทใส่ลงไปในหม้อ คนให้พริกแกงละลาย ยกหม้อขึ้นตั้งไฟ คั่วไปเรื่อยๆ จนน้ำเริ่มแห้ง ทีนี้ก็ใส่น้ำลงไปกะให้ท่วมเนื้อหมูและกะหล่ำปลี ตั้งทิ้งไว้รอให้เดือด - พอน้ำในหม้อเดือด ก็ใ่ส่กะหล่ำปลีลงไป ใช้ทัพพีกดเบาๆ ให