ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ทริปเกี่ยวกับการจัดห้องครัว



วันนี้ไม่มีผลงานจากก้นครัวมาฝากเพื่อน ๆ เพราะแอบหนีมาเที่ยวต่างจังหวัดกัน 2 คน แต่อย่าเข้าใจผิดคิดว่ามาฮันนีมูนกันล่ะ ตั้งใจมาทำธุระ พอเสร็จธุระก็เลยถือโอกาสเที่ยวเลย พอตกกลางคืนก็เลยนอนแซ่วอยู่ในโรงแรม เพราะเหน็ดเหนื่อยจากช่วงกลางวัน ดูรายการทีวีก็น่าเบื่อ พอดีพกโน๊ตบุ๊คมาด้วยเลยเข้าท่องเน็ตเล่นๆ ดูพวกการตกแต่งห้องครัว การจัดเครื่องครัว การดูแลรักษาห้องครัว ก็เปิดเจอเวปอยู่เวปหนึ่งเค้ามีทริปเกี่ยวกับการจัดห้องครัว ก็เลยเอามาฝากเพื่อนๆ เพราะคิดว่าคนที่ชอบทำอาหารจะต้องเป็นคนที่รักห้องครัวและต้องมีความสุขเมื่อเวลาอยู่ในห้องครัว ยังไงลองอ่านดูนะคะ อย่างน้อยก็น่าจะได้ ไอเดียใหม่ๆ ถ้าใครคิดที่สร้างห้องครัวใหม่หรือว่าอยากจะโมดิฟลายห้องครัวใหม่ (ตัวเองก็อยากมากเลย กำลังอ้อนแฟนให้ทำห้องครัวให้ใหม่อยู่ บอกตรงๆ เลยว่ารักห้องครัวมากกว่าห้องนอนซะอีก ถ้าทำห้องครัวให้ใหม่แล้วจะให้ย้ายมานอนห้องครัวแทนก็ยอม จะยอมควักทุนตัวเองที่มีอยู่น้อยนิดหาซื้อที่นอนปิคนิกผืนเล็กๆ ซักผืนหนึ่งมานอนเฝ้าห้องครัว 555 พูดขนาดนี้แล้วไม่สงสารไม่เห็นใจก็ให้มันรู้ไปเลย) มาดูกันเลยดีกว่า
















1. เลือกซื้อจาน ชาม ช้อน ส้อม ให้เป็นชุด ดีกว่า เพราะนอกจากจะดูเก๋ น่าใช้และเป็นระเบียบแล้ว คุณแม่บ้านยังได้ทุกอย่าง ครบถ้วน โดยไม่ต้องเสียเวลาเลือกซื้อทีละอย่าง
2. ถ้ามั่นใจว่าเครื่องครัวที่เลือกซื้อมา ดีไซน์เก๋ไก๋ไม่แพ้ใคร ก็ควรหาตู้โชว์มาใส่ อวดกันหน่อย
3. หากเป็นไปได้ ให้ทำช่องหน้าต่างบริเวณครัว ซึ่งนอกจากจะช่วยระบายกลิ่น ที่เกิดจากการปรุงอาหารแล้ว ยังช่วยให้ในห้องครัว มีแสงสว่างเพียงพออีก และห้องครัวจะไม่อับชื้นระบายอากาศดี
4. อย่าปล่อยให้ด้านในฝาตู้ต้องว่างไป โดยเปล่าประโยชน์ อาจใช้เป็นที่แขวน เครื่องครัวเล็กๆ น้อยๆ หรือเป็นที่วางแก้ว หรือของตกแต่ง
5. ในส่วนที่เลอะบ่อยๆ ควรเลือกใช้วัสดุ ที่สามารถทำความสะอาดได้ง่าย เช่น สเตนเลส หินแกรนิต หรือกระเบื้อง
6. ทำตู้ให้เยอะที่สุดเพื่อเอาไว้เก็บเครื่องครัว ที่ไม่ค่อยได้ใช้ จะได้ไม่รกหูรกตา และยังง่ายต่อการทำความสะอาด ซึ่งสมัยนี้นิยมทำตู้ build in ติดกับผนังครัว หรือง่ายๆ หาซื้อตู้แขวนผนังสำเร็จรูป ซึ่งมีขายทั่วไป วิธีนี้ช่วยคุณประหยัดเนื้อที่ และทำให้ห้องครัวดูเรียบร้อยขึ้น
7. ลองหาซื้อเครื่องครัวที่มีดีไซน์เก๋ๆ หรือแปลกตา รับรองว่าครัวของคุณ จะมีชีวิตชีวามากขึ้น
8. เลือกวัสดุปูพื้นที่มีพื้นผิวมัน เพราะจะช่วยสะท้อนแสง ทำให้ห้องสว่างขึ้น ให้ความรู้สึกสะอาด และยังดูแลรักษาง่ายอีกด้วย
9. แสงสว่างในครัวก็สำคัญนะ ควรมีดวงไฟ ในครัวมากกว่าหนึ่งจุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการใช้งาน และสัดส่วนของห้องครัว นอกจากนี้ ยังควรคำนึงถึงปลั๊กไฟ สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว อีกด้วย
10. ควรหลีกเลี่ยง ที่จะวางเฟอร์นิเจอร์อย่างโต๊ะ ไว้ในครัว แต่ถ้าหากหลีกเลี่ยง ไม่ได้จริงๆ ควรเลือกที่สามารถ พับเก็บได้ หรือมีดีไซน์แบบบาง หรือโต๊ะแบบกลม
11. เลือกขนาดของตู้เย็น หม้อหุงข้าว และไมโครเวฟให้เหมาะ กับจำนวนสมาชิก ในครอบครัว เพราะนอกจาก จะประหยัดไฟแล้ว ยังช่วยให้ไม่เปลือง เนื้อที่ในครัวอีกด้วย
12. หาซื้อขวดแก้วใส แบบที่มีฝาปิดมิดชิด มาเก็บไว้บ้าง เผื่อใส่อาหาร หรือเครื่องปรุงที่ต้อง ซื้อทีละมากๆ ช่วยให้ดูสวยงาม สะอาด และเป็นระเบียบ

ยังไงต้องขอบคุณเจ้าของข้อมูล และต้องขอโทษด้วยที่ไม่สามารถเขียนอ้างอิงถึงได้ เพราะพออ่านเสร็จแล้วรีบเซฟเลยลืมจดไว้ว่าเอามาจากเวปไหน พอเข้าไปหาอีกทีก็ไม่เจอแล้วเพราะเปิดเข้าไปอ่านเยอะแยะมั่วไปหมดเลยไม่รู้ว่าอันไหนเป็นอันไหน

ความคิดเห็น

casino กล่าวว่า
ว้าววว..ดีจังคะ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แป้งสาลี

หลายๆท่านที่เคยทำขนมทำเบเกอรี่มาก็ไม่รู้ซักกี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ต้อง มีส่วนประกอบของแป้งสาลี เช่น ขนมปัง ขนมเค้ก พิซซ่า บะหมี่ คุ้กกี้ ฯลฯ อาหารต่างๆ เหล่านี้ล้วนทำมาจากแป้งสาลีทั้งสิ้น แป้งสาลีจึงถือว่าเป็นวัตถุดิบที่มีบทบาทสำคัญมากต่อการปรุงอาหารในปัจจุบัน แต่จะมีคนซักกี่คนที่จะรู้จักที่มาที่ไปของแป้งสาลีดีพอ วันนี้เลยมีเรื่องเกี่ยวกับแป้งสาลีมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อที่จะได้รู้จักแป้งสาลีกันมากขึ้น ในสมัยก่อนแป้งสาลีนั้นเราได้จากการบดหรือโม่เมล็ดข้าวให้ได้แป้ง โดยใช้โม่หินเมื่อเวลาผ่านมามนุษย์สมัยก่อนได้รู้จักการผสมแป้ง และน้ำเข้าด้วยกันจนกลายเป็นก้อนโด(Dough)และนำก้อนโดนี้ ไปอบบนหินเผาไฟก้อนโดนี้จะมีลักษณะแข็งภายนอก เนื้อในนุ่ม ซึ่งเหมือนกับการอบขนมปังทั่วๆ ไปนั่นเอง คิดว่าน่าจะเป็นโอกาสอันดีที่เราควรจะมารู้จักแป้งสาลีให้ดีขึ้น เพื่อที่จะได้นำแป้งสาลีไปใช้ได้ถูกต้องกับการทำอาหาร แต่ละชนิด แป้งสาลีมีคุณสมบัติแตกต่างจากแป้งชนิดอื่นคือ เมื่อผสมน้ำในอัตราส่วนที่ถูกต้องโปรตีนในแป้งจะจับตัวกัน เกิดเป็นก้อนโด (Dough) มีลักษณะเหนียวแต่ยืดหยุ่นได้ สามารถที่จะเก็บแก๊สไว้ได้ ซึ่งจะเป็นโครง

ไข่ปลาทอด

ไข่ปลาก็อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าทานบ่อยไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ เพราะคอเลสเตอรอลสูงมากๆ แต่มันก็อดใจไม่ไหว มันอร่อย คราวที่แล้วก็ทำเมนู ต้มยำไข่ปลา ไปแล้ว คราวนี้ก็ไข่ปลาอีกแล้วแต่เป็นเมนูไข่ปลาทอดแทน ไม่ไหวแล้วขอตัวไปทานไข่ปลาทอดก่อนดีกว่า สิ่งที่้ต้องเตรียม ไข่ปลายี่สก 400 กรัม กระเทียม 7 กลีบ พริกไทย 1/2 ช้อนชา ซีอิ้วชาว 1 ช้อนโต๊ะ ผงปรุงรส 1 ช้อนชา แป้งโกกิ 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำไข่ปลาทอด - แกะเปลือกกระเทียมออก ทุบกระเทียมหยาบๆ แล้วสับให้ละเอียด - ล้างไข่ปลาแล้วฉีกพวงไข่ปลาให้แยกออกจากกัน (ส่วนที่เป็นเยื่อหุ้มไม่แน่ใจว่าเค้าเรียกว่าอะไร) - มักไข่ปลากันกระเทียม พริกไทย ซีอิ้วขาว ผงปรุงรส หมักทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที - ละลายแป้งโกกิกับน้ำเย็นให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วเทใส่ชามที่หมักไข่ปลา ค่อยๆ คนให้เข้ากัน - ตั้งกระทะใส่น้ำมันสำหรับทอด ปรับไฟกลางถึงอ่อน พอร้อนใส่ไข่ปลาลงไปทอด - ขณะที่ทอดห้ามคน รอให้ข้างล่างสุกกรอบก่อนค่อยกลับอีกด้านลงไปทอดให้เหลืองกรอบทั้งสองด้าน จึงตักพักไว้บนกระดาษซับน้ำมัน - จัดใส่จานเสิร์ฟทานกับผักสดและพริกน้ำปลาแซ่บหลายเด้อ

แกงกะหล่ำปลีใส่หมู

ไปเที่ยวที่บ้านกลับมาคราวนี้ เราแบกผักสดมาจากบ้านเยอะมาก มีทั้งลูกขนุนอ่อน ถั่วฝักยาว พริกหนุ่ม กระเทียมสด มะเขือเทศ แล้วยังมีกะหล่ำปลีอีกด้วย ทุุกอย่างเป็นผลิตผลจากสวนของน้าซึ่งเป็นน้องชายของแม่ทั้งนั้น วันนี้เราเลยลงมือทำแกงกะหล่ำปลีใส่หมู ซึ่งเป็นสูตรอาหารของชาวเหนือแท้ๆ มาค่ะมาดูว่าแกงกะหล่ำปลีใส่หมูของสาวเหนือเช่นเราทำกันยังไงน๊า สิ่งที่ต้องเตรียม กะหล่ำปลีซอยหยาบๆ 1 หัว (ประมาณ 500 กรัม) เนื้อหมูหั่นชิ้นพอดีคำ 250 กรัม มะเขือเทศสีดาผ่าครึ่ง 5-6 ลูก พริกขี้หนูแห้ง 12 เม็ด กระเทียม 7 กลีบ หอมแดง 2 หัว เกลือป่น 1/2 ช้อนชา กะปิ 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ ต้นหอมผักชีซอย 2-3 ต้น วิธีทำแกงกะหล่ำใส่หมู - เรามาลงมือตำน้ำพริกกันก่อนค่ะ โดยนำพริกแห้ง หอมแดง กระเทียม เกลือป่น และกะปิ ใส่ครกตำให้ละเอียด - เอาหมูใส่ลงไปในหม้อ ตักน้ำพริกแกงที่ตำไว้ใส่ตามลงไป - ใช้น้ำเปล่าล้างครกให้เกลี้ยง เทใส่ลงไปในหม้อ คนให้พริกแกงละลาย ยกหม้อขึ้นตั้งไฟ คั่วไปเรื่อยๆ จนน้ำเริ่มแห้ง ทีนี้ก็ใส่น้ำลงไปกะให้ท่วมเนื้อหมูและกะหล่ำปลี ตั้งทิ้งไว้รอให้เดือด - พอน้ำในหม้อเดือด ก็ใ่ส่กะหล่ำปลีลงไป ใช้ทัพพีกดเบาๆ ให