ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บัวลอยไข่หวาน

บัวลอยเจ้าเพื่อนยากทำไมจากข้าเร็วเกินไป บัวลอยเจ้าอยู่ที่ไหนเคยรู้บ้างไหม โปรดคิดคำนึง เสียงเพลงจากวิทยุทรานซีสเตอร์ของคุณป้าข้างบ้านดังแว่วๆ เข้ามากระทบโสตประสาทของเรา ปิ๊ง!!!! ทำให้นึกขึ้นได้ว่าเรายังมีขนมโปรดของเราอีกรายการนึงที่ชื่อเจ้าบัวลอย ที่ไม่เคยทำทานมานมนานแล้วทั้งที่ชอบทานม๊ากมาก แค่นึกขึ้นมาได้ก็แทบไม่มีอารมณ์ทำอะไรต่อแล้วเพราะอยากมากๆ มาดูแม่ครัวหน้าใส่ทำบัวลอยกันดีกว่าค่ะ

















สิ่งที่ต้องเตรียม

แป้งข้าวเหนียวขาว 1 1/2 ถ้วยตวง
หัวกะทิข้นๆ 1/2 ถ้วยตวง
น้ำตาล 1 ถ้วยตวง
น้ำกะทิ 2 ถ้วยตวง
เกลือป่น 1 ช้อนชา
น้ำดอกมะลิ 1/2 ถ้วยตวง (บางทีอาจไม่ได้ใช้)
ฟักทองนึ่งบดละเอียด 1/2 ถ้วยตวง (ฟักทองที่บดไว้แฉะมาก)
ไข่ไก่ 3 ฟอง

วิธีทำ

- นำแป้งข้าวเหนียวนวดกับฟักทองบดยังไม่ต้องเติมน้ำ เพราะบางทีฟักทองบดมีน้ำค่อนข้างมาก อาจไม่จำเป็นต้องใช้น้ำดอกมะลิก็ได้ แต่ถ้าเกิดแป้งยังไม่นุ่มให้ค่อยๆ เติมน้ำลอยดอกมะลิทีละน้อยๆ แล้วนวดจนแป้งนุ่ม อย่ารีบเทน้ำลอยดอกมะลิพรวดๆ ลงไปเดี๋ยวแป้งจะเละเกินไป
- เมื่อแป้งนุ่มและเข้ากันดี จึงปั้นแป้งเป็นเม็ดกลมเล็กๆจนหมดแป้ง ถ้าปั้นให้เล็กยาก ให้ใช้วิธีแบ่งแป้งออกมาเป็นก้อนขนาดเท่าไข่แดง แล้วคลึงให้เป็นแท่งยาวๆ แล้วค่อยบิดออกทีละนิดแล้วคลึงกับฝ่ามือให้เป็นก้อนกลมเล็กๆ นี่เป็นอีกหนึ่งวิธีการปั้นบัวลอยให้ง่ายและรวดเร็วดีค่ะ
- นำแป้งที่ปั้น ไปต้มในน้ำเดือด จนแป้งสุกใสและลอยขึ้น ให้ช้อนขึ้นแช่น้ำเย็นพักไว้
- จากนั้นมาเตรียมน้ำกระทิผสมกับน้ำตาลและเกลือ นำไปตั้งไฟให้เดือด ตอกไข่ไก่ลงไปต้มในหม้อ จนไข่สุกลอย ช้อนแป้งที่พักไว้ใส่ลงไป ตามด้วยหัวกะทิ ยกลง ตักใส่ถ้วยขนมหวานเสิรฟได้เลย


ถ้าใครอยากทานเป็นบัวลอยไข่หวานก็ตักไข่ใส่ลงไปด้วย แค่นี้ก็ได้บัวลอยง่ายๆ แสนอร่อยทานกันแล้วค่ะ แต่คนทำยังสับสนอยู่ทำออกมาแล้วไม่รู้ว่าจะให้ชื่อว่าไรดี จะเรียก คุณบัวลอยเฉยๆ หรือคุณบัวลอยฟักทอง หรือไม่คุณบัวลอยไข่หวาน หรือไม่อีกทีก็คุณบัวลอยฟักทองไข่หวาน เฮ้อ!!ปวดหัว แต่ไม่ว่าจะเรียกอะไรก็อร่อยเหมือนกันค่า ถ้าบ้านใครมีเผือกยิ่งเจ๋งสุดๆ ค่ะ เปลี่ยนจากฟักทองเป็นเผือกจะยิ่งอร่อยใหญ่เลย น่าสงสารตัวเองหาเผืิอกไม่ได้แทนที่จะเป็นบัวลอยเผือก เลยกลายเป็นบัวลอยฟักทองแทน

ความคิดเห็น

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า
ขอบคุณมาก ๆ เลยครับ
casino กล่าวว่า
อยากทานบัวลอยไข่หวานอ่ะ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แป้งสาลี

หลายๆท่านที่เคยทำขนมทำเบเกอรี่มาก็ไม่รู้ซักกี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ต้อง มีส่วนประกอบของแป้งสาลี เช่น ขนมปัง ขนมเค้ก พิซซ่า บะหมี่ คุ้กกี้ ฯลฯ อาหารต่างๆ เหล่านี้ล้วนทำมาจากแป้งสาลีทั้งสิ้น แป้งสาลีจึงถือว่าเป็นวัตถุดิบที่มีบทบาทสำคัญมากต่อการปรุงอาหารในปัจจุบัน แต่จะมีคนซักกี่คนที่จะรู้จักที่มาที่ไปของแป้งสาลีดีพอ วันนี้เลยมีเรื่องเกี่ยวกับแป้งสาลีมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อที่จะได้รู้จักแป้งสาลีกันมากขึ้น ในสมัยก่อนแป้งสาลีนั้นเราได้จากการบดหรือโม่เมล็ดข้าวให้ได้แป้ง โดยใช้โม่หินเมื่อเวลาผ่านมามนุษย์สมัยก่อนได้รู้จักการผสมแป้ง และน้ำเข้าด้วยกันจนกลายเป็นก้อนโด(Dough)และนำก้อนโดนี้ ไปอบบนหินเผาไฟก้อนโดนี้จะมีลักษณะแข็งภายนอก เนื้อในนุ่ม ซึ่งเหมือนกับการอบขนมปังทั่วๆ ไปนั่นเอง คิดว่าน่าจะเป็นโอกาสอันดีที่เราควรจะมารู้จักแป้งสาลีให้ดีขึ้น เพื่อที่จะได้นำแป้งสาลีไปใช้ได้ถูกต้องกับการทำอาหาร แต่ละชนิด แป้งสาลีมีคุณสมบัติแตกต่างจากแป้งชนิดอื่นคือ เมื่อผสมน้ำในอัตราส่วนที่ถูกต้องโปรตีนในแป้งจะจับตัวกัน เกิดเป็นก้อนโด (Dough) มีลักษณะเหนียวแต่ยืดหยุ่นได้ สามารถที่จะเก็บแก๊สไว้ได้ ซึ่งจะเป็นโครง

ไข่ปลาทอด

ไข่ปลาก็อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าทานบ่อยไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ เพราะคอเลสเตอรอลสูงมากๆ แต่มันก็อดใจไม่ไหว มันอร่อย คราวที่แล้วก็ทำเมนู ต้มยำไข่ปลา ไปแล้ว คราวนี้ก็ไข่ปลาอีกแล้วแต่เป็นเมนูไข่ปลาทอดแทน ไม่ไหวแล้วขอตัวไปทานไข่ปลาทอดก่อนดีกว่า สิ่งที่้ต้องเตรียม ไข่ปลายี่สก 400 กรัม กระเทียม 7 กลีบ พริกไทย 1/2 ช้อนชา ซีอิ้วชาว 1 ช้อนโต๊ะ ผงปรุงรส 1 ช้อนชา แป้งโกกิ 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำไข่ปลาทอด - แกะเปลือกกระเทียมออก ทุบกระเทียมหยาบๆ แล้วสับให้ละเอียด - ล้างไข่ปลาแล้วฉีกพวงไข่ปลาให้แยกออกจากกัน (ส่วนที่เป็นเยื่อหุ้มไม่แน่ใจว่าเค้าเรียกว่าอะไร) - มักไข่ปลากันกระเทียม พริกไทย ซีอิ้วขาว ผงปรุงรส หมักทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที - ละลายแป้งโกกิกับน้ำเย็นให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วเทใส่ชามที่หมักไข่ปลา ค่อยๆ คนให้เข้ากัน - ตั้งกระทะใส่น้ำมันสำหรับทอด ปรับไฟกลางถึงอ่อน พอร้อนใส่ไข่ปลาลงไปทอด - ขณะที่ทอดห้ามคน รอให้ข้างล่างสุกกรอบก่อนค่อยกลับอีกด้านลงไปทอดให้เหลืองกรอบทั้งสองด้าน จึงตักพักไว้บนกระดาษซับน้ำมัน - จัดใส่จานเสิร์ฟทานกับผักสดและพริกน้ำปลาแซ่บหลายเด้อ

กล้วยกวนสูตรโบราณ

มีกล้วยหอมสุกงอมอยู่ จะเอาทิ้งก็ใช่ที่ ซื้อมาทำไมซื้อมาแล้วไม่กิน เสียดายของ กล้วยน้ำว้าเราก็มีเอามาทำกล้วยกวนทานกันดีกว่าไม่เสียของแถมอร่อยอีกต่างหาก เคยมีคนสอนทำตั้งนานแล้ว เค้าบอกว่าเป็นกล้วยกวนสูตรโบราณด้วยนะเออ มาดูวิธีทำกล้วยกวนสูตรโบราณกันดีกว่าค่ะ สิ่งที่ต้องเตรียม กล้วยน้ำว้าสุกงอม 10 ลูก กล้วยหอมสุกงอม 5 ลูก มะพร้าวขูด 500 กรัม น้ำตาลทราย 200 กรัม เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบ วิธีทำ - ปอกเปลือกกล้วยน้ำว้าและกล้วยหอม หั่นเป็นชิ้นแล้วปั่นให้ละเอียด เตรียมไว้ - คั้นมะพร้าวกับน้ำอุ่นให้ได้น้ำกะทิ 2 ถ้วย หางกะทิ 2 ถ้วย - นำหัวกะทิ ตั้งไฟอ่อนเคี่ยวให้เป็นน้ำมัน ยกลงพักทิ้งไว้ - ผสมหางกะทิ กับน้ำตาลทราย ยกหม้อขึ้นตั้งไฟ ใช้ไฟกลางให้น้ำตาลละลาย - พอน้ำตาลละลายดีแล้วยกลง ทิ้งไว้สักครู่ให้พอคลายร้อน แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง - เทลงในกระทะทองยกขึ้นตั้งไฟ ใส่กล้วยลงไป ใช้ไฟแรง กวนด้วยไม้พายกวนขนม จากนั้นลดไฟลงใช้ไฟอ่อน ใช้เวลาในการกวนประมาณ 4 – 5 ชั่วโมง จนมีลักษณะข้นเหนียว - ค่อยๆ เทหัวกะทิลงทีละน้อย กวนให้เข้ากันจนกล้วยแห้งเหนียวพอปั้นได้ ยกลง เทใส่ถาดใช้ไม้คลึงหน้าขนมให้เรียบรอให้เย็นแล้วตัดเ