ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ต้มถั่วแดง





อากาศร้อนๆ ทำของหวานอร่อยๆ เย็นๆ ทานกันดีกว่าค่ะ วันนี้เลยทำถั่วแดงต้ม แต่เป็นถั่วแดงหลวงด้วยน๊า ถั่วแดงหลวง มีคุณค่าทางอาหารสูง อุดมด้วยโปรตีน เส้นใยอาหาร คาร์โบไฮเดรต แคลเซียมและฟอสฟอรัส ช่วยให้ระบบการย่อยอาหารทำงานน้อยลง ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ และเส้นเลือดสมองอุดตัน โรคซึมเศร้า มะเร็งบางชนิด และช่วยสร้างเซลล์ให้ทารกในครรภ์ (สายไปซะแล้ว เพิ่งจะมาทำกินตอนนี้ หลังจากที่แท้งลูกไป 2 สัปดาห์ ฮือๆๆเศร้า)

สิ่งที่ต้องเตรียม

ถั่วแดงหลวง 500 กรัม
น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง
เกลือป่น 1/2ช้อนชา
กะทิ 200 มล.

วิธีทำต้มถั่วแดง

- ล้างถั่วแดงหลวงให้สะอาด ของเราใช้ของตราไร่ทิพย์เพราะของเค้าคุณภาพดีจริงๆ
- เมื่อล้างถั่วแดงเสร็จแล้วเอาใส่ในหม้อใบใหญ่ๆ แล้วใส่น้ำสำหรับต้มลงไปซัก 3 เท่า ยกขึ้นตั้งไฟ
- ใช้เวลาต้มประมาณ 20 นาที ยกลงปิดฝาหม้อทิ้งไว้ เพื่อแช่ถั่วให้ค้างคืน 1 คืน
- จากนั้นนำถั่วมาล้างน้ำสะอาดอีกรอบจะเห็นได้ชัดว่าเม็ดถั่วจะบวมขึ้นและเม็ดใหญ่มาก ถ้าไม่ล้างแล้วยกต้มต่อเลยถั่วจะมีกลิ่น ทางที่ดีควรเทน้ำเก่าทิ้งแล้วล้างน้ำก่อน
- ใช้หม้อไปเดิมที่ล้างสะอาดแล้วใส่ถั่วและน้ำเปล่าสำหรับต้มลงไปแล้วนำไปต้มอีกรอบ ใช้เวลาในการต้มนานพอสมควร แล้วคอยตักถั่วขึ้นมาบิดูว่าถั่วสุกดีหรือยัง
- เมื่อถั่วสุกได้ที่แล้วยกลงเทน้ำที่ต้มทิ้งตักถั่วใส่ตะแกรงพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
- แล้วเราก็มาทำน้ำเชื่อมกัน โดยใส่น้ำตาลทรายกับน้ำเปล่าลงไปในหม้อยกขึ้นตั้งไฟคนให้น้ำตาลละลาย พอเดือดยกลง
- เอาน้ำกะทิและเกลือป่นใส่หม้อยกขึ้นตั้งไฟอ่อนพอเริ่มเดือดยกลง
- ตักถั่วแดงที่ต้มแล้วใส่ถ้วย ตักน้ำเชื่อมใส่ลงไปนิดหน่อยพอคลุกคลิก แล้วราดหน้าด้วยกะทิ ใส่น้ำแข็งทุบลงไป ยกเสิร์ฟเป็นของหวานเย็นๆ เหมาะกับอากาศร้อนๆ ของบ้านเรา

หมายเหตุ

ถั่วแดงหลวงเป็นถั่วที่ต้องใช้เวลาในการต้มนานมาก ยิ่งถ้าเราไม่ต้มก่อนที่จะแช่ค้างคืน หรือไม่แช่เลยนำไปต้มทั้งที่ถั่วยังเป็นเม็ดแข็งๆ อยู่ เราอาจต้องใช้เวลาเป็นวันในการต้ม
ทำให้เสียเวลาและเปลืองแก๊ส แล้วเวลาต้มอย่าต้มทีละนิดทีละหน่อยเพราะจะเสียเวลา ให้ต้มหมดทั้งถุงเลย จะได้เสียเวลาทีเดียว ส่วนถั่วต้มที่เหลือเราสามารถเก็บใส่กล่องเข้าห้องแช่แข็งได้ ถ้าอยากกินอีกเมื่อไหร่ก็เอามา wave หรือว่าเอามาต้มใหม่แค่แป๊บเดียวก็สามารถจะทานได้แล้ว

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แป้งสาลี

หลายๆท่านที่เคยทำขนมทำเบเกอรี่มาก็ไม่รู้ซักกี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ต้อง มีส่วนประกอบของแป้งสาลี เช่น ขนมปัง ขนมเค้ก พิซซ่า บะหมี่ คุ้กกี้ ฯลฯ อาหารต่างๆ เหล่านี้ล้วนทำมาจากแป้งสาลีทั้งสิ้น แป้งสาลีจึงถือว่าเป็นวัตถุดิบที่มีบทบาทสำคัญมากต่อการปรุงอาหารในปัจจุบัน แต่จะมีคนซักกี่คนที่จะรู้จักที่มาที่ไปของแป้งสาลีดีพอ วันนี้เลยมีเรื่องเกี่ยวกับแป้งสาลีมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อที่จะได้รู้จักแป้งสาลีกันมากขึ้น ในสมัยก่อนแป้งสาลีนั้นเราได้จากการบดหรือโม่เมล็ดข้าวให้ได้แป้ง โดยใช้โม่หินเมื่อเวลาผ่านมามนุษย์สมัยก่อนได้รู้จักการผสมแป้ง และน้ำเข้าด้วยกันจนกลายเป็นก้อนโด(Dough)และนำก้อนโดนี้ ไปอบบนหินเผาไฟก้อนโดนี้จะมีลักษณะแข็งภายนอก เนื้อในนุ่ม ซึ่งเหมือนกับการอบขนมปังทั่วๆ ไปนั่นเอง คิดว่าน่าจะเป็นโอกาสอันดีที่เราควรจะมารู้จักแป้งสาลีให้ดีขึ้น เพื่อที่จะได้นำแป้งสาลีไปใช้ได้ถูกต้องกับการทำอาหาร แต่ละชนิด แป้งสาลีมีคุณสมบัติแตกต่างจากแป้งชนิดอื่นคือ เมื่อผสมน้ำในอัตราส่วนที่ถูกต้องโปรตีนในแป้งจะจับตัวกัน เกิดเป็นก้อนโด (Dough) มีลักษณะเหนียวแต่ยืดหยุ่นได้ สามารถที่จะเก็บแก๊สไว้ได้ ซึ่งจะเป็นโครง

ไข่ปลาทอด

ไข่ปลาก็อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าทานบ่อยไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ เพราะคอเลสเตอรอลสูงมากๆ แต่มันก็อดใจไม่ไหว มันอร่อย คราวที่แล้วก็ทำเมนู ต้มยำไข่ปลา ไปแล้ว คราวนี้ก็ไข่ปลาอีกแล้วแต่เป็นเมนูไข่ปลาทอดแทน ไม่ไหวแล้วขอตัวไปทานไข่ปลาทอดก่อนดีกว่า สิ่งที่้ต้องเตรียม ไข่ปลายี่สก 400 กรัม กระเทียม 7 กลีบ พริกไทย 1/2 ช้อนชา ซีอิ้วชาว 1 ช้อนโต๊ะ ผงปรุงรส 1 ช้อนชา แป้งโกกิ 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำไข่ปลาทอด - แกะเปลือกกระเทียมออก ทุบกระเทียมหยาบๆ แล้วสับให้ละเอียด - ล้างไข่ปลาแล้วฉีกพวงไข่ปลาให้แยกออกจากกัน (ส่วนที่เป็นเยื่อหุ้มไม่แน่ใจว่าเค้าเรียกว่าอะไร) - มักไข่ปลากันกระเทียม พริกไทย ซีอิ้วขาว ผงปรุงรส หมักทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที - ละลายแป้งโกกิกับน้ำเย็นให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วเทใส่ชามที่หมักไข่ปลา ค่อยๆ คนให้เข้ากัน - ตั้งกระทะใส่น้ำมันสำหรับทอด ปรับไฟกลางถึงอ่อน พอร้อนใส่ไข่ปลาลงไปทอด - ขณะที่ทอดห้ามคน รอให้ข้างล่างสุกกรอบก่อนค่อยกลับอีกด้านลงไปทอดให้เหลืองกรอบทั้งสองด้าน จึงตักพักไว้บนกระดาษซับน้ำมัน - จัดใส่จานเสิร์ฟทานกับผักสดและพริกน้ำปลาแซ่บหลายเด้อ

แกงกะหล่ำปลีใส่หมู

ไปเที่ยวที่บ้านกลับมาคราวนี้ เราแบกผักสดมาจากบ้านเยอะมาก มีทั้งลูกขนุนอ่อน ถั่วฝักยาว พริกหนุ่ม กระเทียมสด มะเขือเทศ แล้วยังมีกะหล่ำปลีอีกด้วย ทุุกอย่างเป็นผลิตผลจากสวนของน้าซึ่งเป็นน้องชายของแม่ทั้งนั้น วันนี้เราเลยลงมือทำแกงกะหล่ำปลีใส่หมู ซึ่งเป็นสูตรอาหารของชาวเหนือแท้ๆ มาค่ะมาดูว่าแกงกะหล่ำปลีใส่หมูของสาวเหนือเช่นเราทำกันยังไงน๊า สิ่งที่ต้องเตรียม กะหล่ำปลีซอยหยาบๆ 1 หัว (ประมาณ 500 กรัม) เนื้อหมูหั่นชิ้นพอดีคำ 250 กรัม มะเขือเทศสีดาผ่าครึ่ง 5-6 ลูก พริกขี้หนูแห้ง 12 เม็ด กระเทียม 7 กลีบ หอมแดง 2 หัว เกลือป่น 1/2 ช้อนชา กะปิ 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ ต้นหอมผักชีซอย 2-3 ต้น วิธีทำแกงกะหล่ำใส่หมู - เรามาลงมือตำน้ำพริกกันก่อนค่ะ โดยนำพริกแห้ง หอมแดง กระเทียม เกลือป่น และกะปิ ใส่ครกตำให้ละเอียด - เอาหมูใส่ลงไปในหม้อ ตักน้ำพริกแกงที่ตำไว้ใส่ตามลงไป - ใช้น้ำเปล่าล้างครกให้เกลี้ยง เทใส่ลงไปในหม้อ คนให้พริกแกงละลาย ยกหม้อขึ้นตั้งไฟ คั่วไปเรื่อยๆ จนน้ำเริ่มแห้ง ทีนี้ก็ใส่น้ำลงไปกะให้ท่วมเนื้อหมูและกะหล่ำปลี ตั้งทิ้งไว้รอให้เดือด - พอน้ำในหม้อเดือด ก็ใ่ส่กะหล่ำปลีลงไป ใช้ทัพพีกดเบาๆ ให