ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

กล้วยกวนสูตรโบราณ



มีกล้วยหอมสุกงอมอยู่ จะเอาทิ้งก็ใช่ที่ ซื้อมาทำไมซื้อมาแล้วไม่กิน เสียดายของ กล้วยน้ำว้าเราก็มีเอามาทำกล้วยกวนทานกันดีกว่าไม่เสียของแถมอร่อยอีกต่างหาก เคยมีคนสอนทำตั้งนานแล้ว เค้าบอกว่าเป็นกล้วยกวนสูตรโบราณด้วยนะเออ มาดูวิธีทำกล้วยกวนสูตรโบราณกันดีกว่าค่ะ


สิ่งที่ต้องเตรียม
กล้วยน้ำว้าสุกงอม 10 ลูก
กล้วยหอมสุกงอม 5 ลูก
มะพร้าวขูด 500 กรัม
น้ำตาลทราย 200 กรัม
เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบ

วิธีทำ
- ปอกเปลือกกล้วยน้ำว้าและกล้วยหอม หั่นเป็นชิ้นแล้วปั่นให้ละเอียด เตรียมไว้

- คั้นมะพร้าวกับน้ำอุ่นให้ได้น้ำกะทิ 2 ถ้วย หางกะทิ 2 ถ้วย

- นำหัวกะทิ ตั้งไฟอ่อนเคี่ยวให้เป็นน้ำมัน ยกลงพักทิ้งไว้

- ผสมหางกะทิ กับน้ำตาลทราย ยกหม้อขึ้นตั้งไฟ ใช้ไฟกลางให้น้ำตาลละลาย

- พอน้ำตาลละลายดีแล้วยกลง ทิ้งไว้สักครู่ให้พอคลายร้อน แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง

- เทลงในกระทะทองยกขึ้นตั้งไฟ ใส่กล้วยลงไป ใช้ไฟแรง กวนด้วยไม้พายกวนขนม จากนั้นลดไฟลงใช้ไฟอ่อน ใช้เวลาในการกวนประมาณ 4 – 5 ชั่วโมง จนมีลักษณะข้นเหนียว

- ค่อยๆ เทหัวกะทิลงทีละน้อย กวนให้เข้ากันจนกล้วยแห้งเหนียวพอปั้นได้ ยกลง เทใส่ถาดใช้ไม้คลึงหน้าขนมให้เรียบรอให้เย็นแล้วตัดเป็นชิ้นพอคำ

- นำเม็ดมะม่วงหิมพานต์แต่งหน้า ห่อด้วยกระดาษแก้ว เก็บใส่ขวดโหล สามารถเก็บไว้ทานได้นาน


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แป้งสาลี

หลายๆท่านที่เคยทำขนมทำเบเกอรี่มาก็ไม่รู้ซักกี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ต้อง มีส่วนประกอบของแป้งสาลี เช่น ขนมปัง ขนมเค้ก พิซซ่า บะหมี่ คุ้กกี้ ฯลฯ อาหารต่างๆ เหล่านี้ล้วนทำมาจากแป้งสาลีทั้งสิ้น แป้งสาลีจึงถือว่าเป็นวัตถุดิบที่มีบทบาทสำคัญมากต่อการปรุงอาหารในปัจจุบัน แต่จะมีคนซักกี่คนที่จะรู้จักที่มาที่ไปของแป้งสาลีดีพอ วันนี้เลยมีเรื่องเกี่ยวกับแป้งสาลีมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อที่จะได้รู้จักแป้งสาลีกันมากขึ้น ในสมัยก่อนแป้งสาลีนั้นเราได้จากการบดหรือโม่เมล็ดข้าวให้ได้แป้ง โดยใช้โม่หินเมื่อเวลาผ่านมามนุษย์สมัยก่อนได้รู้จักการผสมแป้ง และน้ำเข้าด้วยกันจนกลายเป็นก้อนโด(Dough)และนำก้อนโดนี้ ไปอบบนหินเผาไฟก้อนโดนี้จะมีลักษณะแข็งภายนอก เนื้อในนุ่ม ซึ่งเหมือนกับการอบขนมปังทั่วๆ ไปนั่นเอง คิดว่าน่าจะเป็นโอกาสอันดีที่เราควรจะมารู้จักแป้งสาลีให้ดีขึ้น เพื่อที่จะได้นำแป้งสาลีไปใช้ได้ถูกต้องกับการทำอาหาร แต่ละชนิด แป้งสาลีมีคุณสมบัติแตกต่างจากแป้งชนิดอื่นคือ เมื่อผสมน้ำในอัตราส่วนที่ถูกต้องโปรตีนในแป้งจะจับตัวกัน เกิดเป็นก้อนโด (Dough) มีลักษณะเหนียวแต่ยืดหยุ่นได้ สามารถที่จะเก็บแก๊สไว้ได้ ซึ่งจะเป็นโครง

ขนมโตเกียวไส้ครีม

เริ่มรายการหาของว่างทานระหว่างวันกันอีกแล้วค่ะ แอ่น แอ้น แอ๊น โตเกียวไส้ครีมยังไงละคะ ไม่ว่าจะหยิบทานกันเล่นๆ หรือว่าทานกับน้ำชายามบ่ายก็ช่างเข้ากั๊นเข้ากัน หรือไม่งั้นก็ทำไว้ทานเป็นอาหารเช้าของเด็กๆ ก็ได้ มาดูวิธีำทำโตเกียวไส้ครีมวนิลากันดีกว่าค่ะ สิ่งที่ต้องเตรียม ส่วนผสมของตัวแป้ง แป้งเค้ก 1 1/4ถ้วย ผงฟู 1 ช้อนชา เบคกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา ไข่ไก่ 2 ฟอง น้ำตาลทราย 6 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น 1/4 ช้อนชา นมสด 1 ถ้วย ส่วนผสมของไส้ครีมวนิลา ไข่ 2 ฟอง น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย นมสด 2 ถ้วย แป้งข้าวโพด 4 ช้อนโต๊ะ เนยสด 1/2 ถ้วย เกลือป่น 1/4 ช้อนชา วิธีทำ - เริ่มจากการเตรียมทำไส้ครีมวนิลาก่อน โดยตีไข่กับน้ำตาลทรายให้ขึ้นฟูในหม้อตุ๋น -ใส่นมสด เนย แป้งข้าวโพด เกลือป่น และวนิลา คนให้ละลาย - แล้วนำไปตีต่อในหม้อใบใหญ่ที่มีไอน้ำเดือดจนส่วนผสมสุกข้น ยกลงพักไว้ - ต่อไปก็ถึงขั้นตอนทำตัวแป้ง โดยนำแป้งเค้ก ผงฟู เบคกิ้งโซดา และเกลือป่น ร่อนรวมกันซัก 2 รอบ - ตีไข่กับน้ำตาลในชามให้ขึ้นฟู - ใส่แป้งที่ร่อนแล้วลงไป ตามด้วยนมสด คนให้เข้ากัน - ใช้กะทะแบนทาน้ำมันบางๆ ตั้งไฟอ่อนๆ พอกะทะร้อน คนแป้งก่อนตัก หยอดแป้งลงกะทะให้กลมขนาด