ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

กระเพาะปลาน้ำแดง




ใครอยากงดอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต แต่ทานแล้วอยู่ท้อง เชิญทางนี้ค่ะ เรามีวิธีทำกระเพาะปลาน้ำแดงมาฝาก ใครได้เข้ามาดูแล้วเห็นทีต้องรีบจดสูตรกระเพาะปลาน้ำแดงนี้ ไปลองทำทานกันแน่นอนค่ะ

สิ่งที่ต้องเตรียม
กระเพาะปลาแห้ง 100 กรัม
เห็ดหอมแห้ง 6 ดอก
ไข่นกกระทาต้ม10 ลูก
โครงไก่ 1 โครง
รากผักชี 6 ราก
พริกไทยเม็ดขาว 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วดำ 2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
เหล้าจีน 1 ช้อนโต๊ะ
แป้งมันละลายน้ำ1/2 ถ้วย
เกลือป่น1/2 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
ขิงแก่ฝานตามยาว 10 แว่น
ใบชาแห้ง(ชาจีน) 2 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยป่น ตามชอบ
ผักชีซอย

วิธีทำ
- ต้มน้ำเปล่าให้เดือด ปิดไฟ ใส่ใบชาแห้งลงไป ทิ้งไว้ซัก 5 นาที นำไปกรองเอากากใบชาออก
- แช่กระเพาะปลาในน้ำชา ทิ้งไว้จนน้ำชาเย็นสนิท แล้วจึงบีบน้ำออก นำกระเพาะปลาไปล้างในน้ำสะอาดอีกรอบนึงพักไว้
- เอาน้ำใส่หม้อยกขึ้นตั้งไฟอีกรอบ ทีนี้ใส่ขิงแก่ฝานที่เราเตรียมไว้ลงไปต้มให้น้ำเดือด ยกลงเอากระเพาะปลาลงไปแช่อีกครั้งนึง พอน้ำเริ่มเย็นให้ใช้มือขยำกระเพาะปลาซ้ำๆ หลายๆ ครั้ง แล้วบีบเอาน้ำออก หั่นเป็นชิ้นพอคำพักไว้
- เอาเห็ดหอมแห้งมาล้างให้สะอาด แช่น้ำทิ้งไว้ซัก 30 นาที แล้วหั่นเป็นชิ้นบาง น้ำแช่เห็ดหอมอย่าทิ้งเก็บไว้ใส่น้ำซุปต่อ
- ทีนี้ก็ถึงขั้นตอนทำน้ำซุป เอาน้ำใส่หม้อยกขึ้นตั้งไฟ ใส่โครงไก่ พริกไทย และทุบรากผักชีเบาๆ ใส่ลงไปด้วย เคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงตักโครงไก่ขึ้น
- นำน้ำซุปที่ได้ไปกรองเอากากออกให้เหลือแต่น้ำ ยกขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำแช่เห็ดหอมลงไป
- คราวนี้รอให้น้ำซุปเดือดอีกครั้ง ใส่เห็ดหอม กระเพาะปลา และไข่นกกระทาลงไป ต้มต่อไปจนน้ำเดือด
- ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว ซีอิ้วดำ ซอสหอยนางรม เกลือป่น น้ำตาลทรายและพริกไทยป่น ชิมรสตามชอบ ต้มต่อจนทุกอย่างสุก
- ค่อยๆเทแป้งมันที่ละลายน้ำแล้วลงไป ระหว่างที่เทให้คนไปด้วยเบาๆ เพื่อแป้งจะได้ไม่จับเป็นก้อน เมื่อน้ำเหนียวข้นดีแล้วปิดไฟ เติมเหล้าจีนลงไป คนให้เข้ากัน ตักใส่ชามโรยหน้าด้วยผักชี พริกไทยเสิร์ฟพร้อมกับจิ๊กโฉ่วและพริกน้ำส้ม

หมายเหตุ สำหรับใครที่อยากให้ตักเข้าปากแล้วมีเนื้อไก่ด้วย ก็ให้ใส่เนื้ออกไก่ น่องไก่ หรือเนื้อส่วนไหนก็ได้ตามชอบ ลงไปพร้อมกับตอนต้มน้ำซุปโครงไก่ แล้วค่อยตักออกมาฉีกเป็นชิ้นๆ ใส่ลงไปพร้อมกับใส่ไข่นกกระทาต้มก็แล้วกันค่ะ


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แป้งสาลี

หลายๆท่านที่เคยทำขนมทำเบเกอรี่มาก็ไม่รู้ซักกี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ต้อง มีส่วนประกอบของแป้งสาลี เช่น ขนมปัง ขนมเค้ก พิซซ่า บะหมี่ คุ้กกี้ ฯลฯ อาหารต่างๆ เหล่านี้ล้วนทำมาจากแป้งสาลีทั้งสิ้น แป้งสาลีจึงถือว่าเป็นวัตถุดิบที่มีบทบาทสำคัญมากต่อการปรุงอาหารในปัจจุบัน แต่จะมีคนซักกี่คนที่จะรู้จักที่มาที่ไปของแป้งสาลีดีพอ วันนี้เลยมีเรื่องเกี่ยวกับแป้งสาลีมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อที่จะได้รู้จักแป้งสาลีกันมากขึ้น ในสมัยก่อนแป้งสาลีนั้นเราได้จากการบดหรือโม่เมล็ดข้าวให้ได้แป้ง โดยใช้โม่หินเมื่อเวลาผ่านมามนุษย์สมัยก่อนได้รู้จักการผสมแป้ง และน้ำเข้าด้วยกันจนกลายเป็นก้อนโด(Dough)และนำก้อนโดนี้ ไปอบบนหินเผาไฟก้อนโดนี้จะมีลักษณะแข็งภายนอก เนื้อในนุ่ม ซึ่งเหมือนกับการอบขนมปังทั่วๆ ไปนั่นเอง คิดว่าน่าจะเป็นโอกาสอันดีที่เราควรจะมารู้จักแป้งสาลีให้ดีขึ้น เพื่อที่จะได้นำแป้งสาลีไปใช้ได้ถูกต้องกับการทำอาหาร แต่ละชนิด แป้งสาลีมีคุณสมบัติแตกต่างจากแป้งชนิดอื่นคือ เมื่อผสมน้ำในอัตราส่วนที่ถูกต้องโปรตีนในแป้งจะจับตัวกัน เกิดเป็นก้อนโด (Dough) มีลักษณะเหนียวแต่ยืดหยุ่นได้ สามารถที่จะเก็บแก๊สไว้ได้ ซึ่งจะเป็นโครง

ไข่ปลาทอด

ไข่ปลาก็อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าทานบ่อยไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ เพราะคอเลสเตอรอลสูงมากๆ แต่มันก็อดใจไม่ไหว มันอร่อย คราวที่แล้วก็ทำเมนู ต้มยำไข่ปลา ไปแล้ว คราวนี้ก็ไข่ปลาอีกแล้วแต่เป็นเมนูไข่ปลาทอดแทน ไม่ไหวแล้วขอตัวไปทานไข่ปลาทอดก่อนดีกว่า สิ่งที่้ต้องเตรียม ไข่ปลายี่สก 400 กรัม กระเทียม 7 กลีบ พริกไทย 1/2 ช้อนชา ซีอิ้วชาว 1 ช้อนโต๊ะ ผงปรุงรส 1 ช้อนชา แป้งโกกิ 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำไข่ปลาทอด - แกะเปลือกกระเทียมออก ทุบกระเทียมหยาบๆ แล้วสับให้ละเอียด - ล้างไข่ปลาแล้วฉีกพวงไข่ปลาให้แยกออกจากกัน (ส่วนที่เป็นเยื่อหุ้มไม่แน่ใจว่าเค้าเรียกว่าอะไร) - มักไข่ปลากันกระเทียม พริกไทย ซีอิ้วขาว ผงปรุงรส หมักทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที - ละลายแป้งโกกิกับน้ำเย็นให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วเทใส่ชามที่หมักไข่ปลา ค่อยๆ คนให้เข้ากัน - ตั้งกระทะใส่น้ำมันสำหรับทอด ปรับไฟกลางถึงอ่อน พอร้อนใส่ไข่ปลาลงไปทอด - ขณะที่ทอดห้ามคน รอให้ข้างล่างสุกกรอบก่อนค่อยกลับอีกด้านลงไปทอดให้เหลืองกรอบทั้งสองด้าน จึงตักพักไว้บนกระดาษซับน้ำมัน - จัดใส่จานเสิร์ฟทานกับผักสดและพริกน้ำปลาแซ่บหลายเด้อ

แกงกะหล่ำปลีใส่หมู

ไปเที่ยวที่บ้านกลับมาคราวนี้ เราแบกผักสดมาจากบ้านเยอะมาก มีทั้งลูกขนุนอ่อน ถั่วฝักยาว พริกหนุ่ม กระเทียมสด มะเขือเทศ แล้วยังมีกะหล่ำปลีอีกด้วย ทุุกอย่างเป็นผลิตผลจากสวนของน้าซึ่งเป็นน้องชายของแม่ทั้งนั้น วันนี้เราเลยลงมือทำแกงกะหล่ำปลีใส่หมู ซึ่งเป็นสูตรอาหารของชาวเหนือแท้ๆ มาค่ะมาดูว่าแกงกะหล่ำปลีใส่หมูของสาวเหนือเช่นเราทำกันยังไงน๊า สิ่งที่ต้องเตรียม กะหล่ำปลีซอยหยาบๆ 1 หัว (ประมาณ 500 กรัม) เนื้อหมูหั่นชิ้นพอดีคำ 250 กรัม มะเขือเทศสีดาผ่าครึ่ง 5-6 ลูก พริกขี้หนูแห้ง 12 เม็ด กระเทียม 7 กลีบ หอมแดง 2 หัว เกลือป่น 1/2 ช้อนชา กะปิ 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ ต้นหอมผักชีซอย 2-3 ต้น วิธีทำแกงกะหล่ำใส่หมู - เรามาลงมือตำน้ำพริกกันก่อนค่ะ โดยนำพริกแห้ง หอมแดง กระเทียม เกลือป่น และกะปิ ใส่ครกตำให้ละเอียด - เอาหมูใส่ลงไปในหม้อ ตักน้ำพริกแกงที่ตำไว้ใส่ตามลงไป - ใช้น้ำเปล่าล้างครกให้เกลี้ยง เทใส่ลงไปในหม้อ คนให้พริกแกงละลาย ยกหม้อขึ้นตั้งไฟ คั่วไปเรื่อยๆ จนน้ำเริ่มแห้ง ทีนี้ก็ใส่น้ำลงไปกะให้ท่วมเนื้อหมูและกะหล่ำปลี ตั้งทิ้งไว้รอให้เดือด - พอน้ำในหม้อเดือด ก็ใ่ส่กะหล่ำปลีลงไป ใช้ทัพพีกดเบาๆ ให