ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ขนมกุ่ยช่าย





ห่างหายไปนาน นานมากๆ จนเกือบจะลืม Password เข้าไปแล้ว มัววุ่นวายกับปัญหาชีวิต จะมีอะไรอีก ก็ปัญหาของคนอยากมีลูก แต่ก็ดันมีลูกยาก เห็นชาวบ้านเค้าขนลูกกันออกมาซะยั้วเยี้ยเลย ตัวเองอยากมีกะเค้าซักคนนึง มันช่างยากเย็นซะเหลือเกิน นี่ก็พึ่งสูญเสียลูกคนที่ 4 ไป หลังจากที่พอทราบว่าตัวเองตั้งท้องได้ 3 สัปดาห์ ก็เฝ้าฟูมฟักดูแลรักษาสุขภาพตัวเอง หมั่นพบหมอ หมอให้ทำอะไรก็ทำตามหมอบอกทุกอย่าง สุดท้ายเค้าก็จากเราไปอีกจนได้ในสัปดาห์ที่ 12 ถามว่าเสียใจไหม ก็ไม่รู้จะบอกว่ายังไง นี่ก็เป็นหนที่ 4 แล้ว ในชีวิตนี้เลยไม่อยากจะตั้งความหวังแล้วว่าจะมีลูกน้อยกลอยใจกับเค้า สงสัยคงจะอยู่ตะบันหมากกินกันไปสองคนจนแก่แน่ๆ เลย
หลังจากดูแลรักษาสุขภาพตัวเองให้แข็งแรงแล้ว ก็เริ่มซ่า เป็นยายบ้าอยู่ในครัวอีกแล้ว ตอนนี้ได้หม้อนึ่งไอน้ำมาใหม่ยิ่งบ้าเห่อเข้าไปใหญ่ มีเมนูนึ่งทานได้ทุ๊กวัน อย่างวันนี้ก็มีเมนูของว่างมานำเสนอ ขนมกุ่ยช่าย รับรองทานแล้วไม่อ้วน (และเหมาะสำหรับเราที่นอนสบายเป็นหมูมาหลายเดือน ตอนนี้คงได้เวลาลดความอ้วนลงซะบ้างแล้ว) มาค่ะมาดูสูตรการทำกุ่ยช่าย ซึ่งก็ได้มาจากคู่มือที่เค้าแถมหม้อนึ่งไอน้ำนั่นเอง แต่ขอรับรองว่าทำออกมาแล้วอร่อยถูกปากแน่นอน

สิ่งที่ต้องเตรียม

ส่วนผสมของแป้ง
แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย ครึ่ง
แป้งข้าวเหนียว แป้งมัน อย่างละ ครึ่งถ้วย
น้ำสะอาด 2 ถ้วย
น้ำมัน 1/4 ถ้วย

ส่วนผสมของไส้
กุ่ยช่าย 500 กรัม
กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา
ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา

วิธีทำ
- ก่อนอื่นเรามาทำส่วนของไส้กันก่อน โดยนำกุ่ยช่ายไปล้างให้สะอาดแล้วหั่นเป็นท่อน พักไว้
- นำกระทะใส่น้ำมันยกขึ้นตั้งไฟ พอร้อนเจียวกระเทียมให้หอม ใส่กุ่ยช่ายลงไปผัด เติมเบ็คกิ้งโซดาลงไป (เพื่อลดความฉุนของกลิ่นกุ่ยช่าย) ปรุงรสด้วย ซีอิ้วขาว ซอสปรุงรส และน้ำตาล ผัดพอสุกยกลง
- ทีนี้ก็ถึงเวลาทำตัวแป้ง ร่อนแป้งทั้ง 3 ชนิด ลงในหม้อ ใส่น้ำลงไป คนให้เข้ากัน
- นำไปตั้งไฟ ใส่น้ำมันลงไป คนให้แป้งสุกเหนียวเป็นก้อน ยกลงทิ้งไว้ให้เย็น แล้วเอาไปนวดให้เนียน แต่ขั้นตอนการนวดจะยากนิดนึง เพราะแป้งจะเหนียวหนึบติดมือ แต่ก็มีวิธีง่ายๆ มาบอก แค่นำแป้งไปใส่ในเครื่องปั่นที่เราใช้ทำขนมเค้กนี่แหละค่ะ หัวตีตะขอจะ
ตีแป้งให้เหมือนกับการทำขนมปังเลย ใส่น้ำมันลงไปที่ ก้นอ่างนิดนึง ปั่นสักพักตัวแป้งก็จะเนียนแล้วค่ะ
- พอแป้งเนียนดีแล้ว เราแค่นำมาคลึงเป็นแท่งยาวๆ เส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 2 นิ้ว แล้วตัดเป็นท่อนยาวประมาณ 1 นิ้ว แล้วใช้ไม้คลึงให้เป็นกลมๆ บางๆ ตักไส้ใส่ตรงกลาง จับจีบแป้งให้มิด
- นำลงนึ่งในหม้อนึ่ง ตั้งเวลาประมาณ 5 นาที ยกลง ทาด้วยน้ำมันกระเทียมเจียว

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แป้งสาลี

หลายๆท่านที่เคยทำขนมทำเบเกอรี่มาก็ไม่รู้ซักกี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ต้อง มีส่วนประกอบของแป้งสาลี เช่น ขนมปัง ขนมเค้ก พิซซ่า บะหมี่ คุ้กกี้ ฯลฯ อาหารต่างๆ เหล่านี้ล้วนทำมาจากแป้งสาลีทั้งสิ้น แป้งสาลีจึงถือว่าเป็นวัตถุดิบที่มีบทบาทสำคัญมากต่อการปรุงอาหารในปัจจุบัน แต่จะมีคนซักกี่คนที่จะรู้จักที่มาที่ไปของแป้งสาลีดีพอ วันนี้เลยมีเรื่องเกี่ยวกับแป้งสาลีมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อที่จะได้รู้จักแป้งสาลีกันมากขึ้น ในสมัยก่อนแป้งสาลีนั้นเราได้จากการบดหรือโม่เมล็ดข้าวให้ได้แป้ง โดยใช้โม่หินเมื่อเวลาผ่านมามนุษย์สมัยก่อนได้รู้จักการผสมแป้ง และน้ำเข้าด้วยกันจนกลายเป็นก้อนโด(Dough)และนำก้อนโดนี้ ไปอบบนหินเผาไฟก้อนโดนี้จะมีลักษณะแข็งภายนอก เนื้อในนุ่ม ซึ่งเหมือนกับการอบขนมปังทั่วๆ ไปนั่นเอง คิดว่าน่าจะเป็นโอกาสอันดีที่เราควรจะมารู้จักแป้งสาลีให้ดีขึ้น เพื่อที่จะได้นำแป้งสาลีไปใช้ได้ถูกต้องกับการทำอาหาร แต่ละชนิด แป้งสาลีมีคุณสมบัติแตกต่างจากแป้งชนิดอื่นคือ เมื่อผสมน้ำในอัตราส่วนที่ถูกต้องโปรตีนในแป้งจะจับตัวกัน เกิดเป็นก้อนโด (Dough) มีลักษณะเหนียวแต่ยืดหยุ่นได้ สามารถที่จะเก็บแก๊สไว้ได้ ซึ่งจะเป็นโครง

ไข่ปลาทอด

ไข่ปลาก็อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าทานบ่อยไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ เพราะคอเลสเตอรอลสูงมากๆ แต่มันก็อดใจไม่ไหว มันอร่อย คราวที่แล้วก็ทำเมนู ต้มยำไข่ปลา ไปแล้ว คราวนี้ก็ไข่ปลาอีกแล้วแต่เป็นเมนูไข่ปลาทอดแทน ไม่ไหวแล้วขอตัวไปทานไข่ปลาทอดก่อนดีกว่า สิ่งที่้ต้องเตรียม ไข่ปลายี่สก 400 กรัม กระเทียม 7 กลีบ พริกไทย 1/2 ช้อนชา ซีอิ้วชาว 1 ช้อนโต๊ะ ผงปรุงรส 1 ช้อนชา แป้งโกกิ 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำไข่ปลาทอด - แกะเปลือกกระเทียมออก ทุบกระเทียมหยาบๆ แล้วสับให้ละเอียด - ล้างไข่ปลาแล้วฉีกพวงไข่ปลาให้แยกออกจากกัน (ส่วนที่เป็นเยื่อหุ้มไม่แน่ใจว่าเค้าเรียกว่าอะไร) - มักไข่ปลากันกระเทียม พริกไทย ซีอิ้วขาว ผงปรุงรส หมักทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที - ละลายแป้งโกกิกับน้ำเย็นให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วเทใส่ชามที่หมักไข่ปลา ค่อยๆ คนให้เข้ากัน - ตั้งกระทะใส่น้ำมันสำหรับทอด ปรับไฟกลางถึงอ่อน พอร้อนใส่ไข่ปลาลงไปทอด - ขณะที่ทอดห้ามคน รอให้ข้างล่างสุกกรอบก่อนค่อยกลับอีกด้านลงไปทอดให้เหลืองกรอบทั้งสองด้าน จึงตักพักไว้บนกระดาษซับน้ำมัน - จัดใส่จานเสิร์ฟทานกับผักสดและพริกน้ำปลาแซ่บหลายเด้อ

แกงกะหล่ำปลีใส่หมู

ไปเที่ยวที่บ้านกลับมาคราวนี้ เราแบกผักสดมาจากบ้านเยอะมาก มีทั้งลูกขนุนอ่อน ถั่วฝักยาว พริกหนุ่ม กระเทียมสด มะเขือเทศ แล้วยังมีกะหล่ำปลีอีกด้วย ทุุกอย่างเป็นผลิตผลจากสวนของน้าซึ่งเป็นน้องชายของแม่ทั้งนั้น วันนี้เราเลยลงมือทำแกงกะหล่ำปลีใส่หมู ซึ่งเป็นสูตรอาหารของชาวเหนือแท้ๆ มาค่ะมาดูว่าแกงกะหล่ำปลีใส่หมูของสาวเหนือเช่นเราทำกันยังไงน๊า สิ่งที่ต้องเตรียม กะหล่ำปลีซอยหยาบๆ 1 หัว (ประมาณ 500 กรัม) เนื้อหมูหั่นชิ้นพอดีคำ 250 กรัม มะเขือเทศสีดาผ่าครึ่ง 5-6 ลูก พริกขี้หนูแห้ง 12 เม็ด กระเทียม 7 กลีบ หอมแดง 2 หัว เกลือป่น 1/2 ช้อนชา กะปิ 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ ต้นหอมผักชีซอย 2-3 ต้น วิธีทำแกงกะหล่ำใส่หมู - เรามาลงมือตำน้ำพริกกันก่อนค่ะ โดยนำพริกแห้ง หอมแดง กระเทียม เกลือป่น และกะปิ ใส่ครกตำให้ละเอียด - เอาหมูใส่ลงไปในหม้อ ตักน้ำพริกแกงที่ตำไว้ใส่ตามลงไป - ใช้น้ำเปล่าล้างครกให้เกลี้ยง เทใส่ลงไปในหม้อ คนให้พริกแกงละลาย ยกหม้อขึ้นตั้งไฟ คั่วไปเรื่อยๆ จนน้ำเริ่มแห้ง ทีนี้ก็ใส่น้ำลงไปกะให้ท่วมเนื้อหมูและกะหล่ำปลี ตั้งทิ้งไว้รอให้เดือด - พอน้ำในหม้อเดือด ก็ใ่ส่กะหล่ำปลีลงไป ใช้ทัพพีกดเบาๆ ให