ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

แกงจืดเต้าหู้หมูสับ



เช้านี้อากาศหนาวจริงๆ ไม่อยากลุกจากที่นอนอุ่นๆ เลย กะว่าจะนอนต่ออีกซักงีบ เลยเหลือบตาไปมองนาฬิกาซักนิดนึงจะได้กะถูกว่าจะต้องนอนต่ออีกนานเท่าไหร่ 9 โมงกว่าแล้ว โอ้แม่เจ้า!!! วันนี้เราเป็นดอกคุณนายตื่นสายอีกแล้ว คุณสามีก็ลุกจากเตียงนอนไปเมื่อไหร่แล้วไม่รู้ เลยรีบสปริงตัวลุกจากที่นอนไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟันแล้วรีบเข้าครัวเป็นแจ๋วอีกแล้ว เปิดตู้เย็นทำไรดีหว่า!!! เห็นเต้าหู้ไข่สิ่งแรก ก็ปิ๊งเลย ทำแกงจืดดีกว่า รีบรื้อๆ ตู้ใหญ่เลย แต่สุดท้ายแม่บ้านคนนี้ก็พลาดอีกจนได้วุ้นเส้นหมดจากบ้านไปเมื่อไหร่นี่ แต่ช่างเถอะมีเท่าไหร่ก็ทำเท่านั้นก่อนละกัน ทำไข่เจียวเพิ่มอีกอย่าง แล้วก็อุ่นแกงส้มอยู่ในตู้เย็นอีกถ้วยละกัน มาดูวิธีทำแกงจืดเต้าหู้หมูสับแบบมักง่ายกันดีกว่าค่ะ

สิ่งที่ต้องเตรียม

เต้าหู้ไข่ 1 แท่ง
หมูสับ 1/2 ถ้วย
พริกไทยเม็ด 7 เม็ด
กระเทียม 5 กลีบ
รากผักชีสับ 2 ราก
หอมแดง 2 หัว
ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
ซุปก้อน 1 ก้อน
คื่นฉ่ายหั่นท่อน 2 ต้น

วิธีทำ
- โขลกกระเทียมพริกไทย รากผักชีเข้าด้วยกันให้ละเอียด จากนั้นเอาหมูสับลงไปใช้ครกบดให้เข้ากัน หมูจะได้นุ่มๆ ใส่ซีอิ้วขาวคลุกให้เข้ากัน แล้วตักขึ้นหมักทิ้งไว้ซัก 20 นาที
- จากนั้นก็เอาหมูหมักมาปั้นเป็นก้อนๆ เตรียมไว้
- เอาน้ำเปล่าใส่หม้อยกขึ้นตั้งไฟ ผ่าหอมแดงใส่ลงไป พอเดือดใส่ซุปก้อนลงไป พอซุปละลายหมดแล้วและเดือดได้ที่ให้ใส่หมูก้อนลงไป
- พอหมูก้อนสุก ก็หั่นเต้าหู้เป็นท่อนลงไป ตามด้วยคื่นฉ่าย จากนั้นปิดไฟ ตักใส่ชามเสิรฟได้เลยค่ะ

เห็นไม๊ล่ะคะว่าเป็นสูตรการทำแกงจืดที่มักง่ายจริงๆ ค่ะแต่ขอบอกว่าน้ำซุปแกงจืดอร่อยมาก ทานแล้วคล่องคอดี เหมาะสำหรับอากาศหนาวๆ ในตอนเช้าค่ะลองทำดูนะคะง่ายๆ ค่ะ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แป้งสาลี

หลายๆท่านที่เคยทำขนมทำเบเกอรี่มาก็ไม่รู้ซักกี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ต้อง มีส่วนประกอบของแป้งสาลี เช่น ขนมปัง ขนมเค้ก พิซซ่า บะหมี่ คุ้กกี้ ฯลฯ อาหารต่างๆ เหล่านี้ล้วนทำมาจากแป้งสาลีทั้งสิ้น แป้งสาลีจึงถือว่าเป็นวัตถุดิบที่มีบทบาทสำคัญมากต่อการปรุงอาหารในปัจจุบัน แต่จะมีคนซักกี่คนที่จะรู้จักที่มาที่ไปของแป้งสาลีดีพอ วันนี้เลยมีเรื่องเกี่ยวกับแป้งสาลีมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อที่จะได้รู้จักแป้งสาลีกันมากขึ้น ในสมัยก่อนแป้งสาลีนั้นเราได้จากการบดหรือโม่เมล็ดข้าวให้ได้แป้ง โดยใช้โม่หินเมื่อเวลาผ่านมามนุษย์สมัยก่อนได้รู้จักการผสมแป้ง และน้ำเข้าด้วยกันจนกลายเป็นก้อนโด(Dough)และนำก้อนโดนี้ ไปอบบนหินเผาไฟก้อนโดนี้จะมีลักษณะแข็งภายนอก เนื้อในนุ่ม ซึ่งเหมือนกับการอบขนมปังทั่วๆ ไปนั่นเอง คิดว่าน่าจะเป็นโอกาสอันดีที่เราควรจะมารู้จักแป้งสาลีให้ดีขึ้น เพื่อที่จะได้นำแป้งสาลีไปใช้ได้ถูกต้องกับการทำอาหาร แต่ละชนิด แป้งสาลีมีคุณสมบัติแตกต่างจากแป้งชนิดอื่นคือ เมื่อผสมน้ำในอัตราส่วนที่ถูกต้องโปรตีนในแป้งจะจับตัวกัน เกิดเป็นก้อนโด (Dough) มีลักษณะเหนียวแต่ยืดหยุ่นได้ สามารถที่จะเก็บแก๊สไว้ได้ ซึ่งจะเป็นโครง

ไข่ปลาทอด

ไข่ปลาก็อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าทานบ่อยไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ เพราะคอเลสเตอรอลสูงมากๆ แต่มันก็อดใจไม่ไหว มันอร่อย คราวที่แล้วก็ทำเมนู ต้มยำไข่ปลา ไปแล้ว คราวนี้ก็ไข่ปลาอีกแล้วแต่เป็นเมนูไข่ปลาทอดแทน ไม่ไหวแล้วขอตัวไปทานไข่ปลาทอดก่อนดีกว่า สิ่งที่้ต้องเตรียม ไข่ปลายี่สก 400 กรัม กระเทียม 7 กลีบ พริกไทย 1/2 ช้อนชา ซีอิ้วชาว 1 ช้อนโต๊ะ ผงปรุงรส 1 ช้อนชา แป้งโกกิ 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำไข่ปลาทอด - แกะเปลือกกระเทียมออก ทุบกระเทียมหยาบๆ แล้วสับให้ละเอียด - ล้างไข่ปลาแล้วฉีกพวงไข่ปลาให้แยกออกจากกัน (ส่วนที่เป็นเยื่อหุ้มไม่แน่ใจว่าเค้าเรียกว่าอะไร) - มักไข่ปลากันกระเทียม พริกไทย ซีอิ้วขาว ผงปรุงรส หมักทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที - ละลายแป้งโกกิกับน้ำเย็นให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วเทใส่ชามที่หมักไข่ปลา ค่อยๆ คนให้เข้ากัน - ตั้งกระทะใส่น้ำมันสำหรับทอด ปรับไฟกลางถึงอ่อน พอร้อนใส่ไข่ปลาลงไปทอด - ขณะที่ทอดห้ามคน รอให้ข้างล่างสุกกรอบก่อนค่อยกลับอีกด้านลงไปทอดให้เหลืองกรอบทั้งสองด้าน จึงตักพักไว้บนกระดาษซับน้ำมัน - จัดใส่จานเสิร์ฟทานกับผักสดและพริกน้ำปลาแซ่บหลายเด้อ

กล้วยกวนสูตรโบราณ

มีกล้วยหอมสุกงอมอยู่ จะเอาทิ้งก็ใช่ที่ ซื้อมาทำไมซื้อมาแล้วไม่กิน เสียดายของ กล้วยน้ำว้าเราก็มีเอามาทำกล้วยกวนทานกันดีกว่าไม่เสียของแถมอร่อยอีกต่างหาก เคยมีคนสอนทำตั้งนานแล้ว เค้าบอกว่าเป็นกล้วยกวนสูตรโบราณด้วยนะเออ มาดูวิธีทำกล้วยกวนสูตรโบราณกันดีกว่าค่ะ สิ่งที่ต้องเตรียม กล้วยน้ำว้าสุกงอม 10 ลูก กล้วยหอมสุกงอม 5 ลูก มะพร้าวขูด 500 กรัม น้ำตาลทราย 200 กรัม เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบ วิธีทำ - ปอกเปลือกกล้วยน้ำว้าและกล้วยหอม หั่นเป็นชิ้นแล้วปั่นให้ละเอียด เตรียมไว้ - คั้นมะพร้าวกับน้ำอุ่นให้ได้น้ำกะทิ 2 ถ้วย หางกะทิ 2 ถ้วย - นำหัวกะทิ ตั้งไฟอ่อนเคี่ยวให้เป็นน้ำมัน ยกลงพักทิ้งไว้ - ผสมหางกะทิ กับน้ำตาลทราย ยกหม้อขึ้นตั้งไฟ ใช้ไฟกลางให้น้ำตาลละลาย - พอน้ำตาลละลายดีแล้วยกลง ทิ้งไว้สักครู่ให้พอคลายร้อน แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง - เทลงในกระทะทองยกขึ้นตั้งไฟ ใส่กล้วยลงไป ใช้ไฟแรง กวนด้วยไม้พายกวนขนม จากนั้นลดไฟลงใช้ไฟอ่อน ใช้เวลาในการกวนประมาณ 4 – 5 ชั่วโมง จนมีลักษณะข้นเหนียว - ค่อยๆ เทหัวกะทิลงทีละน้อย กวนให้เข้ากันจนกล้วยแห้งเหนียวพอปั้นได้ ยกลง เทใส่ถาดใช้ไม้คลึงหน้าขนมให้เรียบรอให้เย็นแล้วตัดเ