ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เคล็ดลับคู่ครัว



วันนี้มีเรื่องดีๆ มาฝาก สำหรับแฟนๆ ที่รอดูเมนูอาหารรอไปก่อนนะคะ พอดีว่าไปอ่านเจอเรื่องราวที่มีประโยชน์มากๆ สำหรับแม่บ้านอย่างเรา อ่านแล้วก็ไม่คิดจะเก็บเอาไว้แอบไว้ใช้เอง ยังใจดีอยากให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันทุกๆ คน เราเป็นแม่บ้านประเภทฝึกเองเป็นเอง ความรู้แต่ละอย่างต้องลองผิดลองถูกเอง แล้วไอ้พวกปัญหาจุกจิกในครัวนี่ เป็นเรื่องประจำเลย พอไปรู้เคล็ดลับอะไรมาแล้วลองเอามาทดลองใช้ดู พอได้ผลแล้วก็อยากแบ่งปันให้กับบรรดาคุณแม่บ้านจำเป็นได้เอาไปใช้กัน มาดูกันเลยดีกว่าว่ามีเคล็ดลับอะไรกันบ้าง

1.การล้างตู้เย็น
จะล้างตู้เย็นให้สะอาดให้ใช้โซดาคาร์บอเนต ( โซดาทำขนม หรือ เบ้กกิ้งโซดา ) 1 ช้อนโต๊ะ ใส่ลงในน้ำประมาณ 1 ลิตร หรือ 4 ถ้วย แล้วล้างออก กลิ่นเหม็นจะ หมดไป
2. ล้างจานหรืออ่างที่เป็นสแตนเลส
อ่างล้างจานหรือตู้เก็บถ้วยจานที่เป็นสแตนเลสให้ใช้แอลกอฮฮล์หรือยาสีฟัน ทา แล้วจึงขัดออก ทำความสะอาดด้วยน้ำอีกครั้ง เช็ดด้วยผ้านุ่มๆให้แห้ง
3.ล้างขวดแก้ว
ขวดแก้วที่หมองขุ่น ใส่ทรายลงไปเล็กน้อยเติมน้ำอย่าให้เต็ม เขย่าแรงๆ แล้วจึง เทออก ล้างด้วยน้ำผสมผงซักฟอก แล้วจึงล้างให้สะอาดด้วยน้ำเปล่า ขวดจะใส
4. ล้างภาชนะที่เปื้อนแป้ง ไข่ นม
จาน ชาม หรือภาชนะที่เปื้อน แป้ง ไข่ นม ให้ล้างด้วยน้ำเย็นธรรมดา จะล้างออก ง่ายกว่าน้ำอุ่นจะทำให้แป้ง ไข่ นมติดแน่นยิ่งขึ้น เพรราะความร้อนทำให้แป้ง ไข่ นมที่ติดกับภาชนะสุกทางที่ดีใช้ฟองน้ำชุบน้ำเช็ดออกก่อนแล้วล้างด้วยสบู่หรือ น้ำยาล้างจานแล้วจึงล้างด้วยน้ำสะอาด
5.ล้างถาดเงิน
ถาดเงินเมื่อใช้แล้วต้องล้างให้สะอาดทันที แล้วเช็ดให้แห้งจึงเก็บ การเก็บเพื่อ ไม่ให้ถาดเงินด่างดำ ให้วางสารส้มไว้ในถาดสัก 1 ก้อน จะทำให้ถาดนั้นสะอาด อยู่เสมอ
6.ปัญหาเมื่อซื้อจานชาม หรือแก้วน้ำใหม่
เมื่อแกะฉลากออกแล้ว แต่รอยที่เป็นกาวเหนียวๆ ยังติดอยู่ ล้างไม่ออก ทำให้ มองดูไม่น่าใช้ โดยเฉพาะจะใช้รับแขก วิธีที่ง่ายที่สุดคือ หยดน้ำมันพืชบนรอย เปื้อน ทิ้งไว้สักครู่ กาวก็จะหลุดออก แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง
7. ขจัดกลิ่นคาวที่ติดมีด
บางครั้งเมื่อเรามีดมาหั่นผักหรือผลไม้ กลิ่นคาวที่ติดอยู่กับมีดจะทำให้ผลไม้นั้น คาวไปด้วย ฉะนั้นให้ใช้น้ำมะนาวล้างมีดหลังจากใช้หั่นของคาว หรือก่อนจะหั่น ผัก ผลไม้ จะทำให้มีดหายเหม็นคาวได้
8. แก้กลิ่นเหม็นติดภาชนะพลาสติก
ปัจจุบันเครื่องพลาสติกถูกนำมาใช้เป็นภาชนะสำหรับใส่อาหารจำนวนมาก แต่ ปัญหาที่มักพบบ่อยๆ คือ กลิ่นอาหารจะติดภาชนะล้างอย่างไรก็ไม่ออก และบาง ครั้งกลับไปมีกลิ่นของสบู่หรือน้ำยาล้างจานแทน เมื่อนำมาใส่อาหารอื่นๆกลิ่นจะ ติดอาหารได้ วิธีแก้คือ ให้แช่ในน้ำส้มสายชูเล็กน้อย แช่ไว้ 2 วัน แล้วจึงล้างด้วย น้ำธรรมดา กลิ่นจะหมดไป
9.ทำช้อนส้อมให้ดูใหม่
ช้อนส้อมนับเป็นเครื่องใช้ที่จำเป็นของแทบทุกบ้าน และไม่ค่อยเกิดการชำรุด เสียหาย ฉะนั้นหากดูแลดีๆช้อนส้อมจะใช้ไปได้นาน ถ้าไม่เกิดหายไปเสียก่อน แต่ช้อนส้อมที่ใช้ไปนานๆจะแลดูเก่า ฉะนั้นให้นำช้อนส้อมที่ดูเก่าแล้ว จุ่มในน้ำ ที่ผสมเกลือประมาณ 1 ช้อนชา กับน้ำนมข้น 2-3 หยด ต่อน้ำ 1 แก้ว ช้อนส้อม จะดูใหม่น่าใช้ขึ้น
10.ใช้ ถ่านแบบประหยัด
การย่างหรือปิ้งหมู หรือสะเต๊ะนิยมย่างด้วยถ่าน ถ่านนับวันก็จะหายาก เราจึงใช้ ถ่านเฉพาะที่จำเป็นจริงๆ การใช้ถ่านให้ประหยัดและคุ้มค่า โดยนำถ่านแช่น้ำ เกลือแล้วตากแดดให้แห้ง จึงนำไปใช้ ถ่านก็จะติดไฟแรงกว่าปกติ และไม่มอดไว
11.ทำความสะอาดเขียง
เขียงเป็นอุปกรณ์ภายในครัวที่ใช้เป็นประจำ บางครั้งเขียงจะมีคราบและกลิ่น ต่างๆติดอยู่ เนื่องจากทำความสะอาดได้ไม่หมด วิธีทำความสะอาดได้โดยง่าย ใช้สก็อตไบท์ชุบเกลือป่นขัดแรงๆ และใช้มีดขูดจนหมดคราบสกปรกแล้วล้างให้ สะอาด กลิ่นต่างๆก็จะหมดไป
12.ทำให้เตาไม่มีเขม่าดำ
การปรุงอาหารที่ใช้เตาแก็ส ในบางครั้งอาจพบปัญหาแก็สมีสีแดง และมีเขม่า จำนวนมาก ทำให้หม้อดำทำความสะอาดได้ ยาก วิธีง่ายๆให้การทำให้ไม่เกิด เขม่าดำ โดยใช้เกลือป่นโรยบนเตาแก็สให้ทั่วก่อนที่จะปรุงอาหารทุกครั้ง
13. ช่วยขจัดกลิ่นหอมแดงติดมือ
อาหารไทยส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของหอมแดง เพื่อทำให้อาหารมีกลิ่นหอม รส ชาติดีและทำให้อาหารน่ารับประทาน เมื่อปอกหอมแดงมักจะมีกลิ่นเหม็นติดมือ มีวิธีที่ทำให้มือหมดกลิ่นเหม็น โดยใช้เกลือถูมือให้ทั่ว แล้วจึงไปล้างน้ำให้ สะอาด เช็ดให้แห้ง
14. มะนาวดับกลิ่น
มะนาวนอกจากจะใช้ปรุงอาหารให้รสชาติเปรี้ยวจิ๊ดจ๊าดแซบถึงใจแล้ว เปลือกมะนาวยังนำมาใช้ดับกลิ่นได้ กลิ่นที่ว่านี้คือกลิ่นคาวทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นกุ้ง หอย ปู ปลา หรืออาหารทะเล กลิ่นเวลาปอกหัวหอมหัวกระเทียมก็ได้เช่นกัน ด้วยเหตุนี้ ตามร้านอาหารโดยเฉพาะร้านอาหารทะเล เมื่อรับประทานเสร็จจะมีโถใส่น้ำมีเปลือกมะนาวลอยมาให้สำหรับใช้ล้างมือเพราะนอกจากจะช่วยดับกลิ่นแล้ว ยังช่วยให้รู้สึกสดชื่นอีกด้วย หรือใครจะดัดแปลง นำเปลือกมะนาวไปซุกไว้ในตู้เย็นก็ช่วยดับกลิ่นไม่พึงปรารถนาได้เช่นกัน แต่ถ้าเจอกลิ่นคาวปลาแบบที่รุนแรงมาก แนะนำให้ใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำอย่างละครึ่ง ต้มให้เดือด จะหายกลิ่นคาวได้ หากใครอยากจะล้างอ่างล้างหน้าให้สดใสแวววาว ก็สามารถนำมะนาวสักเสี้ยวหนึ่งมาถูรอยเปื้อนที่ติดบนอ่างได้
15.แซนด์วิชน่าทาน
คุณแม่บ้านที่ชอบทำแซนด์วิชให้ลูกๆ พกพาไปรับประทานตอนเช้า ในช่วงเวลาเร่งด่วน มักประสบปัญหาตัวขนมปังจะเละเทะ ไม่น่ารับประทาน วิธีแก้ไขก็คือ ให้นำขนมปังที่จะใช้ทำแซนด์วิชไปแช่ในช่องแข็งจนแข็งได้ที่เสียก่อนจะนำมาหั่น จะดีกว่าการใช้ขนมปังแบบสดๆ
16.น้ำต้มผัก
อยากทำน้ำพริกกะปิ หรือน้ำพริกอื่นๆ ที่ต้องเติมน้ำสุกให้รสชาติอร่อยมากยิ่งขึ้น อยากให้ลองน้ำต้มผักที่เราตักผักขึ้นแล้วลองเติมดูจะเพิ่มความอร่อยมากขึ้น
17.การลวกผักให้มีสีเขียว
อาหารที่มีลักษณะเลี่ยน มัน หรือรสจัด เรามักนิยมใช้ผักลวกเป็นส่วนประกอบ ของอาหารชนิดนั้น เช่น น้ำพริกปลาทูผักลวก ไก่อบซอสผักลวก เป็ดสอดไส้คะน้า น้ำมันหอย ฯลฯ ซึ่งนอกจากผักลวกจะช่วยลดความเลี่ยนของอาหารจานดังกล่าว แล้วยังสร้างความอร่อยอย่างมีคุณค่าและทำให้อาหารดูน่ารับประทานยิ่งขึ้นอีกด้วย การลวกผักให้สวยสามารถทำได้โดย การตั้งน้ำให้เดือด ใส่น้ำมันพืช 2 ชต. เกลือป่น 1ชช. น้ำตาลทราย 2 ชต.ต่อน้ำ 10ถ. พอน้ำเดือดนำผักลงลวก พอสุกตักขึ้น ใส่ลงในอ่างน้ำเย็นจัดๆโดยเติมน้ำแข็งเพื่อให้น้ำเย็นจัด พอผักคลายความร้อนเก็บ ผักขึ้นให้สะเด็ดน้ำ ผักลวกที่ได้จะมีสีเขียวสดและมีความเงาดูน่ารับประทาน ( การแช่ ผักในน้ำเย็นจัดๆเป็นการเปลี่ยนสภาพจากร้อนมาเป็นเย็นอย่างรวดเร็วจะทำให้ได้ผัก ลวกที่มีสีสันสวยงาม )
18.ขจัดกลิ่นเหม็นท่อระบายน้ำ
ท่อระบายน้ำล้างจาน บางทีมีกลิ่นเหม็นไม่พึงปรารถนาที่สร้างความรำคราญใจให้กับคุณแม่บ้านอย่างมาก วิธีแก้ไขง่ายๆ ก็คือ เทเบกกิ้งโซดา 1 ถ้วย ลงไป ทิ้งไว้ 5 นาที แล้วค่อยเทน้ำส้มสายชูลงไปอีก 1 ถ้วย จะช่วยให้สามารถขจัดกลิ่นได้ดี

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แป้งสาลี

หลายๆท่านที่เคยทำขนมทำเบเกอรี่มาก็ไม่รู้ซักกี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ต้อง มีส่วนประกอบของแป้งสาลี เช่น ขนมปัง ขนมเค้ก พิซซ่า บะหมี่ คุ้กกี้ ฯลฯ อาหารต่างๆ เหล่านี้ล้วนทำมาจากแป้งสาลีทั้งสิ้น แป้งสาลีจึงถือว่าเป็นวัตถุดิบที่มีบทบาทสำคัญมากต่อการปรุงอาหารในปัจจุบัน แต่จะมีคนซักกี่คนที่จะรู้จักที่มาที่ไปของแป้งสาลีดีพอ วันนี้เลยมีเรื่องเกี่ยวกับแป้งสาลีมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อที่จะได้รู้จักแป้งสาลีกันมากขึ้น ในสมัยก่อนแป้งสาลีนั้นเราได้จากการบดหรือโม่เมล็ดข้าวให้ได้แป้ง โดยใช้โม่หินเมื่อเวลาผ่านมามนุษย์สมัยก่อนได้รู้จักการผสมแป้ง และน้ำเข้าด้วยกันจนกลายเป็นก้อนโด(Dough)และนำก้อนโดนี้ ไปอบบนหินเผาไฟก้อนโดนี้จะมีลักษณะแข็งภายนอก เนื้อในนุ่ม ซึ่งเหมือนกับการอบขนมปังทั่วๆ ไปนั่นเอง คิดว่าน่าจะเป็นโอกาสอันดีที่เราควรจะมารู้จักแป้งสาลีให้ดีขึ้น เพื่อที่จะได้นำแป้งสาลีไปใช้ได้ถูกต้องกับการทำอาหาร แต่ละชนิด แป้งสาลีมีคุณสมบัติแตกต่างจากแป้งชนิดอื่นคือ เมื่อผสมน้ำในอัตราส่วนที่ถูกต้องโปรตีนในแป้งจะจับตัวกัน เกิดเป็นก้อนโด (Dough) มีลักษณะเหนียวแต่ยืดหยุ่นได้ สามารถที่จะเก็บแก๊สไว้ได้ ซึ่งจะเป็นโครง

ไข่ปลาทอด

ไข่ปลาก็อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าทานบ่อยไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ เพราะคอเลสเตอรอลสูงมากๆ แต่มันก็อดใจไม่ไหว มันอร่อย คราวที่แล้วก็ทำเมนู ต้มยำไข่ปลา ไปแล้ว คราวนี้ก็ไข่ปลาอีกแล้วแต่เป็นเมนูไข่ปลาทอดแทน ไม่ไหวแล้วขอตัวไปทานไข่ปลาทอดก่อนดีกว่า สิ่งที่้ต้องเตรียม ไข่ปลายี่สก 400 กรัม กระเทียม 7 กลีบ พริกไทย 1/2 ช้อนชา ซีอิ้วชาว 1 ช้อนโต๊ะ ผงปรุงรส 1 ช้อนชา แป้งโกกิ 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำไข่ปลาทอด - แกะเปลือกกระเทียมออก ทุบกระเทียมหยาบๆ แล้วสับให้ละเอียด - ล้างไข่ปลาแล้วฉีกพวงไข่ปลาให้แยกออกจากกัน (ส่วนที่เป็นเยื่อหุ้มไม่แน่ใจว่าเค้าเรียกว่าอะไร) - มักไข่ปลากันกระเทียม พริกไทย ซีอิ้วขาว ผงปรุงรส หมักทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที - ละลายแป้งโกกิกับน้ำเย็นให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วเทใส่ชามที่หมักไข่ปลา ค่อยๆ คนให้เข้ากัน - ตั้งกระทะใส่น้ำมันสำหรับทอด ปรับไฟกลางถึงอ่อน พอร้อนใส่ไข่ปลาลงไปทอด - ขณะที่ทอดห้ามคน รอให้ข้างล่างสุกกรอบก่อนค่อยกลับอีกด้านลงไปทอดให้เหลืองกรอบทั้งสองด้าน จึงตักพักไว้บนกระดาษซับน้ำมัน - จัดใส่จานเสิร์ฟทานกับผักสดและพริกน้ำปลาแซ่บหลายเด้อ

กล้วยกวนสูตรโบราณ

มีกล้วยหอมสุกงอมอยู่ จะเอาทิ้งก็ใช่ที่ ซื้อมาทำไมซื้อมาแล้วไม่กิน เสียดายของ กล้วยน้ำว้าเราก็มีเอามาทำกล้วยกวนทานกันดีกว่าไม่เสียของแถมอร่อยอีกต่างหาก เคยมีคนสอนทำตั้งนานแล้ว เค้าบอกว่าเป็นกล้วยกวนสูตรโบราณด้วยนะเออ มาดูวิธีทำกล้วยกวนสูตรโบราณกันดีกว่าค่ะ สิ่งที่ต้องเตรียม กล้วยน้ำว้าสุกงอม 10 ลูก กล้วยหอมสุกงอม 5 ลูก มะพร้าวขูด 500 กรัม น้ำตาลทราย 200 กรัม เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบ วิธีทำ - ปอกเปลือกกล้วยน้ำว้าและกล้วยหอม หั่นเป็นชิ้นแล้วปั่นให้ละเอียด เตรียมไว้ - คั้นมะพร้าวกับน้ำอุ่นให้ได้น้ำกะทิ 2 ถ้วย หางกะทิ 2 ถ้วย - นำหัวกะทิ ตั้งไฟอ่อนเคี่ยวให้เป็นน้ำมัน ยกลงพักทิ้งไว้ - ผสมหางกะทิ กับน้ำตาลทราย ยกหม้อขึ้นตั้งไฟ ใช้ไฟกลางให้น้ำตาลละลาย - พอน้ำตาลละลายดีแล้วยกลง ทิ้งไว้สักครู่ให้พอคลายร้อน แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง - เทลงในกระทะทองยกขึ้นตั้งไฟ ใส่กล้วยลงไป ใช้ไฟแรง กวนด้วยไม้พายกวนขนม จากนั้นลดไฟลงใช้ไฟอ่อน ใช้เวลาในการกวนประมาณ 4 – 5 ชั่วโมง จนมีลักษณะข้นเหนียว - ค่อยๆ เทหัวกะทิลงทีละน้อย กวนให้เข้ากันจนกล้วยแห้งเหนียวพอปั้นได้ ยกลง เทใส่ถาดใช้ไม้คลึงหน้าขนมให้เรียบรอให้เย็นแล้วตัดเ