วันนี้มีสาระการกินเพื่อสุขภาพมาฝากค่ะ เทคนิคการกินขนมหวานในโรคเบาหวาน
แนวทางการบริโภคของผู้ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง หรือเบาหวาน มักจะถูกห้ามจากแพทย์ผู้ทำการรักษา เช่น ขนมหวาน กะทิ ผลไม้รสหวานจัด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่จะเกิดตามมา เช่นน้ำตาลในเลือดที่ทรงตัวอยู่สูงในเลือดนานๆ มีผลทำให้หลอดเลือดเสียความยืดหยุ่น เกิดอาการชาทางประสาท โดยเฉพาะปลายเท้า เป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หลอดเลือดสายสาเสื่อมทำให้เกิดต้อกระจก กรณีที่เป็นนานๆ อาจทำให้ตาบอดได้
ข้อสำคัญที่เป็นหลักยึดถือในการควบคุมให้ระดับน้ำตาลปกติในการบริโภคอาหาร ต้องควบคุมปริมาณแป้ง ข้าว น้ำตาล ลดไขมันและเพิ่มกากใยอาหาร เมื่อเป็นโรคเบาหวานต้องควบคุมปริมาณการกินน้ำตาลในอาหาร เครื่องดื่มต่างๆ และขนมที่ปรุงด้วยน้ำตาลทรายและน้ำตาลปี๊บตลอดจนมะพร้าวและกะทิ ซึ่งให้ไขมันอิ่มตัว อาจทำให้ระดับไขมันในเลือดสูงตามไปด้วย ในที่นี้ขอเน้นความสำคัญให้รู้จักเทคนิคการกินขนมหวานผู้ที่เป็นโรคเบาหวานคือ
1. เลือกใช้สารทดแทนความหวานหรือน้ำตาลฟรุกโตสแทน น้ำตาลและนมข้น เพราะสารทดแทนความหวาน 1 กรัม มีความหวานถึง 200 เท่า แต่ให้พลังงานเพียง 4 กิโลแคลลอรี่ ส่วนน้ำตาลฟรุกโตส 1 กรัมให้ความหวานกว่าน้ำตาลเกือบ 2 เท่า จึงได้พลังงานลดลงเกือบครึ่ง จึงเหมาะสำหรับปรุงอาหาร ทำขนมและผสมเครื่องดื่ม โดยให้ความหวานแต่ไม่เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด
2. การรู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาวโดยคนที่เป็นโรคเบาหวาน ควรกินอาหารในปริมาณที่เท่ากันทุกมื้อ เพื่อสอดคล้องกับการออกฤทธิ์ของยา หรืออินซูลินที่ใช้ในการรักษาเพื่อให้ระดับน้ำตาลในเลือดสม่ำเสมอ ถ้าในมื้อที่ต้องการกินผลไม้รสหวานมาก หรือขนมหวานก็ให้ลดปริมาณแป้ง ในมื้อนั้นให้น้อย เพื่อไม่ให้พลังงานเกินที่ควรจะได้รับ ขนมที่ควรรับประทานควรเป็นขนมที่ไม่มีกะทิ เช่นถั่วเขียว ถั่วแดง มันเทศต้มน้ำตาล ส่วนขนมที่มีกะทิเช่น สาคูเปียก ลอดช่องน้ำกะทิ แกงบวดฟักทอง ให้ใช้น้ำตาลฟรุกโตสปรุงรสให้หวานและใช้กะทิในปริมาณที่น้อย จงจำไว้ว่าเมื่อเลือกกินขนมแล้ว พลังงานที่ได้รับจะต้องเป็นไปตามที่แพทย์กำหนดไว้
3. กินอย่างฉลาด ต้องรู้จักควบคุมตนเองเกี่ยวกับปริมาณอาหารและผลไม้ที่อยากจะกิน และเพิ่มผักที่มีกากใยสูงๆ เพื่อลดการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด
4. เปลี่ยนนิสัยการกินที่ไม่เกิดผลเดีกับโรคเบาหวานหรือเพิ่มความรุนแรงของโรค โดยฝึกกินอาหารที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าความอยากของตนเอง โดยเฉพาะขนมหวาน ผู้ที่ชอบต้องพยายามเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอย่างค่อยเป็นค่อยไป หันมาเลือกผลไม้ที่รสหวานน้อย เช่นกล้วย ส้มทั้งลูกซึ่งจะทำให้ได้รับกากใยด้วย
สำหรับผู้ที่ชอบขนมหวาน อาจไม่หมดหนทางกินเสียทีเดียว เพียงแต่เลือกกินอย่างฉลาดตามที่กล่าวมาข้างต้น ผู้ทีมีน้ำตาลในเลือดสูง ควรปฏิบัติตามเทคนิคที่แนะนำให้ สำหรับผู้ที่อดใจไม่ได้และไม่สามารถควบคุมตนเองให้กินในปริมาณที่จำกัดได้ ควรหลีกเลี่ยงหรืองดกินขนมหวานไปเลยจะดีต่อสุขภาพของตนเอง ก่อนที่จะเสียนิ้ว เสียขา หรืออาจตาบอดเพราะระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป
แนวทางการบริโภคของผู้ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง หรือเบาหวาน มักจะถูกห้ามจากแพทย์ผู้ทำการรักษา เช่น ขนมหวาน กะทิ ผลไม้รสหวานจัด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่จะเกิดตามมา เช่นน้ำตาลในเลือดที่ทรงตัวอยู่สูงในเลือดนานๆ มีผลทำให้หลอดเลือดเสียความยืดหยุ่น เกิดอาการชาทางประสาท โดยเฉพาะปลายเท้า เป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หลอดเลือดสายสาเสื่อมทำให้เกิดต้อกระจก กรณีที่เป็นนานๆ อาจทำให้ตาบอดได้
ข้อสำคัญที่เป็นหลักยึดถือในการควบคุมให้ระดับน้ำตาลปกติในการบริโภคอาหาร ต้องควบคุมปริมาณแป้ง ข้าว น้ำตาล ลดไขมันและเพิ่มกากใยอาหาร เมื่อเป็นโรคเบาหวานต้องควบคุมปริมาณการกินน้ำตาลในอาหาร เครื่องดื่มต่างๆ และขนมที่ปรุงด้วยน้ำตาลทรายและน้ำตาลปี๊บตลอดจนมะพร้าวและกะทิ ซึ่งให้ไขมันอิ่มตัว อาจทำให้ระดับไขมันในเลือดสูงตามไปด้วย ในที่นี้ขอเน้นความสำคัญให้รู้จักเทคนิคการกินขนมหวานผู้ที่เป็นโรคเบาหวานคือ
1. เลือกใช้สารทดแทนความหวานหรือน้ำตาลฟรุกโตสแทน น้ำตาลและนมข้น เพราะสารทดแทนความหวาน 1 กรัม มีความหวานถึง 200 เท่า แต่ให้พลังงานเพียง 4 กิโลแคลลอรี่ ส่วนน้ำตาลฟรุกโตส 1 กรัมให้ความหวานกว่าน้ำตาลเกือบ 2 เท่า จึงได้พลังงานลดลงเกือบครึ่ง จึงเหมาะสำหรับปรุงอาหาร ทำขนมและผสมเครื่องดื่ม โดยให้ความหวานแต่ไม่เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด
2. การรู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาวโดยคนที่เป็นโรคเบาหวาน ควรกินอาหารในปริมาณที่เท่ากันทุกมื้อ เพื่อสอดคล้องกับการออกฤทธิ์ของยา หรืออินซูลินที่ใช้ในการรักษาเพื่อให้ระดับน้ำตาลในเลือดสม่ำเสมอ ถ้าในมื้อที่ต้องการกินผลไม้รสหวานมาก หรือขนมหวานก็ให้ลดปริมาณแป้ง ในมื้อนั้นให้น้อย เพื่อไม่ให้พลังงานเกินที่ควรจะได้รับ ขนมที่ควรรับประทานควรเป็นขนมที่ไม่มีกะทิ เช่นถั่วเขียว ถั่วแดง มันเทศต้มน้ำตาล ส่วนขนมที่มีกะทิเช่น สาคูเปียก ลอดช่องน้ำกะทิ แกงบวดฟักทอง ให้ใช้น้ำตาลฟรุกโตสปรุงรสให้หวานและใช้กะทิในปริมาณที่น้อย จงจำไว้ว่าเมื่อเลือกกินขนมแล้ว พลังงานที่ได้รับจะต้องเป็นไปตามที่แพทย์กำหนดไว้
3. กินอย่างฉลาด ต้องรู้จักควบคุมตนเองเกี่ยวกับปริมาณอาหารและผลไม้ที่อยากจะกิน และเพิ่มผักที่มีกากใยสูงๆ เพื่อลดการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด
4. เปลี่ยนนิสัยการกินที่ไม่เกิดผลเดีกับโรคเบาหวานหรือเพิ่มความรุนแรงของโรค โดยฝึกกินอาหารที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าความอยากของตนเอง โดยเฉพาะขนมหวาน ผู้ที่ชอบต้องพยายามเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอย่างค่อยเป็นค่อยไป หันมาเลือกผลไม้ที่รสหวานน้อย เช่นกล้วย ส้มทั้งลูกซึ่งจะทำให้ได้รับกากใยด้วย
สำหรับผู้ที่ชอบขนมหวาน อาจไม่หมดหนทางกินเสียทีเดียว เพียงแต่เลือกกินอย่างฉลาดตามที่กล่าวมาข้างต้น ผู้ทีมีน้ำตาลในเลือดสูง ควรปฏิบัติตามเทคนิคที่แนะนำให้ สำหรับผู้ที่อดใจไม่ได้และไม่สามารถควบคุมตนเองให้กินในปริมาณที่จำกัดได้ ควรหลีกเลี่ยงหรืองดกินขนมหวานไปเลยจะดีต่อสุขภาพของตนเอง ก่อนที่จะเสียนิ้ว เสียขา หรืออาจตาบอดเพราะระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป
ความคิดเห็น