ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ขนมช่อม่วง

เป็นขนมไทยอีกชนิดหนึ่งที่มีคนชอบทานกันมาก แต่ว่าน้อยคนนักที่จะเป็นคนลงมือทำเอง ถึงแม้แต่จะซื้อหามารับประทาน ยังหายากเลย เพราะงั้นลองทำเองดีกว่าอยากทานเมื่อไหร่ก็ลงมือทำเอาเองเลย
ขนมช่อม่วงจะประกอบด้วย 2 ส่วน คือส่วนของตัวแป้งขนม และส่วนของไส้ขนม ก่อนอื่นเรามาคงมือทำไส้กันก่อนดีกว่าค่ะ


ส่วนประกอบของไส้
กุ้งชีแฮ้สับ 200 กรัม
มะพร้าวขูดขาว ¼ ถ้วย
หัวหอมหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ½ ช้อนโต๊ะ
พริกไทย 10 เม็ด
เกลือป่น 1 ช้อนชา
กระเทียม 6 กลีบ
รากผักชี 3 ราก
สีแสดใส่ขนม 1 หยด

วิธีทำ
- โขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทย ทั้งหมดให้ละเอียด แล้วแบ่งไว้เป็น 2 ส่วน
- แบ่งกุ้งสับเป็น 2 ส่วน นำส่วนหนึ่งมาเคล้ากับรากผักชี กระเทียม พริกไทย
- เตรียมมะพร้าวขูดขาว แล้วใส่สีแสดนิดหน่อยแทนมันกุ้ง
- แล้วจึงนำไปส่วนผสมของกุ้ง กับมะพร้าวมาผสมให้เข้ากัน
- ตั้งกระทะใส่น้ำมัน พอร้อนนำรากผักชี กระเทียม พริกไทย อีกส่วนหนึงที่แบ่งไว้ไปเจียวให้หอม
- แล้วใส่ส่วนผสมของกุ้งกับมะพร้าวลงผัด ใส่เกลือ น้ำตาลทราย ชิมรสดู เมื่อได้ที่แล้วโรยผักชีนิดหน่อย ยกลงพักให้เย็น

ส่วนประกอบของตัวแป้ง
แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วย
น้ำลอยดอกมะลิ 1 ½ ถ้วย
แป้งมัน 2 ช้อนโต๊ะ
ดอกอัญชัญ 8-10 ดอก
น้ำกะทิ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ


วิธีทำ
- นำน้ำเดือดประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ใส่บนดอกอัญชัญ
แล้วบีบมะนาวสัก 2-3 หยด พอเป็นสีฟ้าแกมม่วง
แล้วคั้นเอาแต่น้ำเตรียมไว้
- ร่อนแป้งข้าวเจ้าและแป้งมัน 2 ครั้งใส่ชามอ่าง
- แล้วใส่น้ำลอยดอกมะลิทีละน้อย นวดไปเรื่อยๆ
ประมาณ 5 นาที นวดแป้งให้นิ่มมือแล้วจึงใส่น้ำส่วนที่เหลือ
ลงไปทั้งหมด ใส่น้ำดอกอัญชัญคั้นและน้ำมันพืช ลงไปผสม
- แล้วนำไปกวน เมื่อกวนจนแป้งสุกแห้งดีและล่อน
จากกะทะเป็นก้อนกลมๆ จึงตักใส่อ่างผสมที่จะนวด
- พออุ่นจึงนวดให้เหนียวนุ่มประมาณ 5-10 นาที
แล้วปั้นแป้งเป็นลูกกลมๆ เท่าๆ กัน เพื่อที่จะได้
ขนาดขนมเท่าๆ กัน เส้นผ่าศูนย์กลาง 1-1 ¼ นิ้ว
- แล้วแผ่แป้งออกเป็นรูปกรวยใส่ไส้แล้วปั้นเป็นลูกกลมๆ
- แล้วใช้แหนบจับแป้งตรงกลางให้เป็นรูปเกสรดอกไม้
แล้วจับกลีบโดยรอบ จากนั้นก็จับกลีบชั้นที่สอง ที่อยู่ถัดเข้าไปข้างในให้กลีบชั้นในวางสลับสับหว่าง
กับกลีบชั้นนอก ทำอย่างนี้ไปจนถึงชั้นเกสรชั้นใน
- เมื่อทำจนหมดแป้งแล้วจึงนำไปเรียงในรังถึง
ที่ปูด้วยใบตองฉีกทาน้ำมันไว้แล้ว
- พรมน้ำให้ทั่วก่อนนำไปนึ่ง จากนั้นนำไปนึ่งในน้ำเดือด
ประมาณ 3 นาที ยกลงพรมด้วยหัวกะทิ จัดใส่จานเสริฟ ทานพร้อมกับกระเทียมเจียว ผักกาดหอม และผักชี


ความคิดเห็น

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า
กะืืทะที่ใช้กวนต้องเป็นกะทะทองเหลืองใช่มั้ยคะ เพราะใช้แบบอื่นแล้วก้อนแป้งมันไม่เหมือนกับที่โชว์ไว้ (จากแหล่งอื่น) มันติดมือ ปั้นไม่ได้

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แป้งสาลี

หลายๆท่านที่เคยทำขนมทำเบเกอรี่มาก็ไม่รู้ซักกี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ต้อง มีส่วนประกอบของแป้งสาลี เช่น ขนมปัง ขนมเค้ก พิซซ่า บะหมี่ คุ้กกี้ ฯลฯ อาหารต่างๆ เหล่านี้ล้วนทำมาจากแป้งสาลีทั้งสิ้น แป้งสาลีจึงถือว่าเป็นวัตถุดิบที่มีบทบาทสำคัญมากต่อการปรุงอาหารในปัจจุบัน แต่จะมีคนซักกี่คนที่จะรู้จักที่มาที่ไปของแป้งสาลีดีพอ วันนี้เลยมีเรื่องเกี่ยวกับแป้งสาลีมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อที่จะได้รู้จักแป้งสาลีกันมากขึ้น ในสมัยก่อนแป้งสาลีนั้นเราได้จากการบดหรือโม่เมล็ดข้าวให้ได้แป้ง โดยใช้โม่หินเมื่อเวลาผ่านมามนุษย์สมัยก่อนได้รู้จักการผสมแป้ง และน้ำเข้าด้วยกันจนกลายเป็นก้อนโด(Dough)และนำก้อนโดนี้ ไปอบบนหินเผาไฟก้อนโดนี้จะมีลักษณะแข็งภายนอก เนื้อในนุ่ม ซึ่งเหมือนกับการอบขนมปังทั่วๆ ไปนั่นเอง คิดว่าน่าจะเป็นโอกาสอันดีที่เราควรจะมารู้จักแป้งสาลีให้ดีขึ้น เพื่อที่จะได้นำแป้งสาลีไปใช้ได้ถูกต้องกับการทำอาหาร แต่ละชนิด แป้งสาลีมีคุณสมบัติแตกต่างจากแป้งชนิดอื่นคือ เมื่อผสมน้ำในอัตราส่วนที่ถูกต้องโปรตีนในแป้งจะจับตัวกัน เกิดเป็นก้อนโด (Dough) มีลักษณะเหนียวแต่ยืดหยุ่นได้ สามารถที่จะเก็บแก๊สไว้ได้ ซึ่งจะเป็นโครง

ไข่ปลาทอด

ไข่ปลาก็อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าทานบ่อยไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ เพราะคอเลสเตอรอลสูงมากๆ แต่มันก็อดใจไม่ไหว มันอร่อย คราวที่แล้วก็ทำเมนู ต้มยำไข่ปลา ไปแล้ว คราวนี้ก็ไข่ปลาอีกแล้วแต่เป็นเมนูไข่ปลาทอดแทน ไม่ไหวแล้วขอตัวไปทานไข่ปลาทอดก่อนดีกว่า สิ่งที่้ต้องเตรียม ไข่ปลายี่สก 400 กรัม กระเทียม 7 กลีบ พริกไทย 1/2 ช้อนชา ซีอิ้วชาว 1 ช้อนโต๊ะ ผงปรุงรส 1 ช้อนชา แป้งโกกิ 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำไข่ปลาทอด - แกะเปลือกกระเทียมออก ทุบกระเทียมหยาบๆ แล้วสับให้ละเอียด - ล้างไข่ปลาแล้วฉีกพวงไข่ปลาให้แยกออกจากกัน (ส่วนที่เป็นเยื่อหุ้มไม่แน่ใจว่าเค้าเรียกว่าอะไร) - มักไข่ปลากันกระเทียม พริกไทย ซีอิ้วขาว ผงปรุงรส หมักทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที - ละลายแป้งโกกิกับน้ำเย็นให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วเทใส่ชามที่หมักไข่ปลา ค่อยๆ คนให้เข้ากัน - ตั้งกระทะใส่น้ำมันสำหรับทอด ปรับไฟกลางถึงอ่อน พอร้อนใส่ไข่ปลาลงไปทอด - ขณะที่ทอดห้ามคน รอให้ข้างล่างสุกกรอบก่อนค่อยกลับอีกด้านลงไปทอดให้เหลืองกรอบทั้งสองด้าน จึงตักพักไว้บนกระดาษซับน้ำมัน - จัดใส่จานเสิร์ฟทานกับผักสดและพริกน้ำปลาแซ่บหลายเด้อ

แกงกะหล่ำปลีใส่หมู

ไปเที่ยวที่บ้านกลับมาคราวนี้ เราแบกผักสดมาจากบ้านเยอะมาก มีทั้งลูกขนุนอ่อน ถั่วฝักยาว พริกหนุ่ม กระเทียมสด มะเขือเทศ แล้วยังมีกะหล่ำปลีอีกด้วย ทุุกอย่างเป็นผลิตผลจากสวนของน้าซึ่งเป็นน้องชายของแม่ทั้งนั้น วันนี้เราเลยลงมือทำแกงกะหล่ำปลีใส่หมู ซึ่งเป็นสูตรอาหารของชาวเหนือแท้ๆ มาค่ะมาดูว่าแกงกะหล่ำปลีใส่หมูของสาวเหนือเช่นเราทำกันยังไงน๊า สิ่งที่ต้องเตรียม กะหล่ำปลีซอยหยาบๆ 1 หัว (ประมาณ 500 กรัม) เนื้อหมูหั่นชิ้นพอดีคำ 250 กรัม มะเขือเทศสีดาผ่าครึ่ง 5-6 ลูก พริกขี้หนูแห้ง 12 เม็ด กระเทียม 7 กลีบ หอมแดง 2 หัว เกลือป่น 1/2 ช้อนชา กะปิ 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ ต้นหอมผักชีซอย 2-3 ต้น วิธีทำแกงกะหล่ำใส่หมู - เรามาลงมือตำน้ำพริกกันก่อนค่ะ โดยนำพริกแห้ง หอมแดง กระเทียม เกลือป่น และกะปิ ใส่ครกตำให้ละเอียด - เอาหมูใส่ลงไปในหม้อ ตักน้ำพริกแกงที่ตำไว้ใส่ตามลงไป - ใช้น้ำเปล่าล้างครกให้เกลี้ยง เทใส่ลงไปในหม้อ คนให้พริกแกงละลาย ยกหม้อขึ้นตั้งไฟ คั่วไปเรื่อยๆ จนน้ำเริ่มแห้ง ทีนี้ก็ใส่น้ำลงไปกะให้ท่วมเนื้อหมูและกะหล่ำปลี ตั้งทิ้งไว้รอให้เดือด - พอน้ำในหม้อเดือด ก็ใ่ส่กะหล่ำปลีลงไป ใช้ทัพพีกดเบาๆ ให