วันนี้เป็นวันเข้าพรรษาเรากับแฟนตื่นกันแต่เช้าเพื่อเตรียมอาหาร
ไปทำบุญที่วัดซึ่งถือได้ว่าเป็นการไปทำบุญที่วัดครั้งแรกของการย้าย
เข้ามาอยู่บ้านใหม่ ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ห่างไกลจากตัวเมือง
เกือบ 60 กิโลเมตร เราสองคนชอบที่นี่มาก อากาศดี เพื่อนบ้านก็น่ารัก หลังจากที่เราใช้ชีวิตในบ้านจัดสรรที่อยู่ในเมืองมาหลายปี พอมาใช้ชีวิตแบบนี้พึ่งจะรู้ว่าเราชอบบรรยากาศแบบนี้มากกว่า
การอยู่อย่างเบียดเสียดในเมืองหลวงเวลาตื่นขึ้นมาในตอนเช้ารู้สึก
ว่าการสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดนั้นเป็นยังไง
กลับเข้ามาเรื่องเตรียมของไปทำบุญที่วัดกันดีกว่า ของที่เตรียม
ไปวัดวันนี้ ก็มี ขนมเทียน ขนมถ้วยฟู ส้ม แลตตาซอยเจ น้ำดื่ม หมูทอด ข้าวสวย (จริงๆ เราอยากได้ข้าวเหนียวแต่ที่บ้านทานข้าวสวย และไม่มีข้าวเหนียวติดบ้านเลย) ดอกบัว ธูป เทียน เราเตรียมทั้งหมด 7 ชุด เพราะแอบถามข้างบ้านแล้วเค้าบอกว่าให้เตรียมทั้งหมด 7 ชุด
เพราะมีพระ 7 รูป พอไปถึงวัดเราก็ไม่รู้ว่าจะไปตรงจุดไหน เพราะเห็นเค้าแบ่งกันไปหลายจุดแล้วก็มีคุณป้าคนหนึ่งซึ่งคงไม่คุ้นหน้า
กับคนมาใหม่มั้ง เลยเดินมาถามว่า “จะตานขันข้าวเหรอ” เราก็งงเลยบอกเค้าว่าจะมาทำบุญ เค้าก็หันมาถามอีกว่า “จะตานขันข้าวหรือจะใส่ขัน” เรากับแฟนก็เลยบอกว่าจะมาทำบุญตักบาตรเตรียมของมา 7 ชุด ตามที่คนข้างบ้านบอก เค้าก็เลยก้มดูในตะกร้าของเราแล้วบอกว่า “อ๋อจะมาใส่ขันข้าว งั้นไปด้านหน้าอุโบสถ เพราะถ้าจะตานขันข้าว
ต้องเข้าไปในกุฎิ” พอเราไปถึงหน้าอุโบสถ เราก็เห็นศาลา หน้าศาลามีถาดวางเรียงกันอยู่บนโต๊ะ ในศาลามีพระประทานองค์ใหญ่ เราก็เลยเข้าไปกราบพระ แล้วก็ออกมายืนรวมกับชาวบ้านข้างนอก ชาวบ้านเค้ากำลังเอาอาหารที่เตรียมมาไปใส่ในถาด เรามองไม่เห็นพระ 7 รูปตามที่คุณป้าข้างบ้านบอก เราก็เลยทำตามเค้าโดยเอาของที่เตรียมมาใส่เข้าไปในถาดทั้งหมด พอใส่ของครบหมดแล้วเราก็เข้าไปในอุโบสถ แล้วเข้าไปกราบพระในอุโบสถอีกครั้งนึง โดยเราถือตะกร้าเข้าไปด้วย ภายในตะกร้าก็เหลือแต่ขวดน้ำที่เตรียมมากรวดน้ำ เราเห็นคุณป้าข้างบ้านนั่งอยู่เราก็เข้าไปนั่งด้วย เค้าก้มมองในตะกร้า
แล้วถามว่า “เอาข้าวไปไว้ไหน” เราตอบเค้าไปว่า
“เอาใส่ถาดหน้าอุโบสถหมดแล้ว” เค้าก็เลยหัวเราะแล้วบอกว่า “ถาดที่เค้าเตรียมไว้สำหรับเอาใส่อาหาร ส่วนข้าวให้ถือขึ้นมาบน
อุโบสถด้วย เดี๋ยวจะมีพระขึ้นมาบิณฑบาต” เราก็ทำหน้าเหวอเลย เค้าก็หัวเราะอีกแล้วก็พูด “ไม่เป็นไรเดี๋ยวแบ่งเอาของป้าใส่บาตรก็แล้วกัน” แล้วเค้าก็หันมาแซวอีกว่า “ มาอยู่ใหม่ๆ ก็จะเป็นอย่างงี้แหละ เพราะแต่ละหมู่บ้านจะทำพิธีไม่เหมือนกัน คราวหน้ามาอีกรอบก็
คงทำถูกแล้วซินะ”หลังจากทำพิธีเสร็จพระให้ศีลให้พรเรียบร้อยแล้ว เราก็กลับบ้านด้วยหัวใจพองโต ตามประสาคนอิ่มบุญ ถึงแม้จะผิดๆ ถูกๆ พระท่านก็คงให้อภัย เพราะเราตั้งใจทำด้วยหัวใจไงล่ะ
วันนี้เราก็เลยมีขนมเทียนแก้ว (สูตรโทรถามคุณแม่) ที่ทำเมื่อวานนี้
มาฝากเพื่อนๆ ด้วยล่ะ
ขนมเทียนแก้ว
สิ่งที่ต้องเตรียม
แป้งถั่วเขียว 100 กรัม
ถั่วกวน 1/2 ถ้วยตวง
น้ำตาลทรายขาว 2 ถ้วยตวง
น้ำลอยดอกมะลิสด 6 ถ้วยตวง
ใบตองอ่อน 2 กิโลกรัม
วิธีทำ
- เตรียมใบตองสำหรับห่อ เช็ดใบตองให้สะอาด ตัดวงกลมกว้าง 4-5 นิ้ว แล้วแต่ชอบให้ลูกใหญ่หรือลูกเล็กตามต้องการ
- วางใบตองซ้อนกันให้ขวางทางกัน แล้วพับทบเข้าหากันเป็นครึ่งวงกลม แล้วทำรอยครึ่งเอาไว้ พับริมขวาเข้ามาจรดรอยกึ่งกลางที่ทำไว้ ด้านซ้ายพับออกไปให้จรดกึ่งกลางเช่นกัน แล้วพับทบเข้าหากัน ทำเช่นนี้จนหมดใบตอง แล้วทับเอาไว้
- ปั้นไส้ถั่วกวนเป็นลูกกลมๆ เส้นผ่าศูนย์กลาง 1-1 ½ ซม. วางเรียงไว้
- ทำน้ำเชื่อม น้ำตาลทราย 2 ถ้วย น้ำลอยดอกมะลิสด 2 ถ้วย ตั้งไฟพอละลายแล้วกรอง ตั้งไฟเคี่ยวไปอีก 5 นาที ยกลง
- ตวงแป้งถั่วเขียว 1 ส่วน น้ำลอยดอกมะลิ 4 ส่วน ผสมลงในกะทะทอง
คนให้เข้ากัน กรองใส่ลงในกะทะทองใส่น้ำเชื่อมที่ทำไว้ลงไป คนให้เข้ากันอีกครั้งหนึ่ง ยกขึ้นตั้งบนเตา กวนจนแป้งสุพใสยกลง ตักใส่ชามที่เตรียมไว้
- นำใบตองที่พับไว้มาเปิดออก ตักแป้งใส่ 1 ช้อนชา แล้วใส่ถั่วที่ปั้น
ไว้เป็นไส้ 1 ลูก แล้วตักแป้งใส่อีก 1 ช้อนชา (หรือตักทีเดียว 2-3 ช้อนชา แล้วกดไส้ถั่วให้จมลงไป) แล้วพับริมด้านใกล้ตัวเข้า แล้วพับริมห่อ
เข้ามาทั้ง 2 ข้าง ให้ตรงกัน พับชายเก็บ ต้องกดให้แน่นจึงจะวางได้สวย ห่อเช่นนี้จนหมดไส้และแป้งที่ทำไว้
ความคิดเห็น